เย่จิ่งอวี้ต้องการออกรบด้วยตัวเองงั้นหรือ
และเพื่อตัวนางเองอีกด้วย?
อินชิงเสวียนรู้สึกประหลาดใจ และรู้สึกซาบซึ้งใจเช่นกัน
นอกจากย่าของนางแล้ว ไม่มีใครดีต่อนางอย่าที่สุดขนาดนี้เลย
ทันใดนั้นนางก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป แล้วเดินออกจากทางเส้นเล็กไป
“ฝ่าบาท หม่อมฉันกลับมาแล้ว”
เสียงที่คุ้นเคยทำให้เย่จิ่งอวี้ตกใจเล็กน้อย
แล้วก็เห็นร่างอรชรในชุดผ้าโปร่งสีดำยืนอยู่กลางพุ่มไม้เขียวชอุ่ม
ใบหน้าที่งดงามราวกับเครื่องกระเบื้องหยก ส่องแสงเจิดจ้าท่ามกลางประกายแดด
คิ้วบนใบหน้าของนางปัดเบาๆ จมูกเป็นสีดอกกุหลาบ ริมฝีปากแดงระเรื่อ และดวงตารูปกลมโตคู่นั้นที่เต็มไปด้วยความโกรธและเสียงหัวเราะ นั่นคืออินชิงเสวียนผู้ที่ทำให้เขาถวิลหาทั้งยามหลับยามตื่น
เย่จิ่งอวี้ก้าวไปข้างหน้าอย่างตื่นเต้น แล้วหยุดลง
เขากระแอมในลำคอแล้วพูดว่า “ราชาสวรรค์เหนือกว่าพยัคฆ์ประจำถิ่น”
อินชิงเสวียนยิ้ม “ผู้ถือเจดีย์สะกดปีศาจแห่งหนองน้ำ”
“เป็นเจ้าจริงๆ!”
เย่จิ่งอวี้รีบก้าวไปข้างหน้าและกอดร่างผอมเพรียวไว้ในอ้อมแขนของเขา
เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เค้นออกมาอย่างยากลำบาก “ข้า...เป็นห่วงเจ้ามาก”
อุณหภูมิร่างกายอันอบอุ่นได้ห่อหุ้มอินชิงเสวียน และวงแขนที่แข็งแกร่งคู่นั้นเหมือนจะรัดนางให้เข้าไปอยู่ในร่างของเขาฉะนั้น
เมื่อได้กลิ่นที่คุ้นเคยคล้ายกลิ่นกล้วยไม้ระคนไปกับกลิ่นชะมด อินชิงเสวียนก็รู้สึกสบายใจอย่างมาก
ในโลกนี้ยังมีคนคนหนึ่งที่คิดถึงตัวเองมาก ไม่ว่านางต้องทนลำบากแค่ไหนในการเดินทางครั้งนี้ ก็นับว่าคุ้มค่าแล้ว
นางซบศีรษะบนไหล่ของเขาแล้วพูดเบาๆ “หม่อมฉันก็เป็นห่วงฝ่าบาทเช่นกันเพคะ”
เย่จิ่งอวี้ปล่อยนางไป แล้วถามทันที “วันที่ผ่านมานี้เจ้าไปไหนมากันแน่”
ซึ่งอินชิงเสวียนก็ถามพร้อมกันว่า “ฝ่าบาทหลีกเลี่ยงจากนักฆ่าได้อย่างไร”
เย่จิ่งอวี้หลุบตาลงและมองดูใบหน้าจิ้มลิ้มพริ้มเพรานี้ เขาไม่ได้เห็นนางมาหนึ่งวันหนึ่งคืน แต่ความจริงเขากลับรู้สึกราวกับว่าจากไปหลายปี
ความตื่นเต้นที่มากเกินไปทำให้เย่จิ่งอวี้เผลอออกแรงมาก
“เจ้าบอกข้าก่อน”
ความเจ็บปวดบนไหล่ทำให้อินชิงเสวียนขมวดคิ้ว
“เกรงว่าเรื่องมันยาว”
เย่จิ่งอวี้กล่าวว่า “ข้าไม่รีบ เจ้าค่อยๆ พูดมาได้เลย”
“ถ้าอย่างนั้นเราก็คุยกันไปพลางๆ ระหว่างที่เดินกันเถอะ”
อินชิงเสวียนเล่าว่านางถูกอาซือหลานหลอกให้ออกจากเมืองได้อย่างไร ถูกฟางรั่วพาตัวไปอย่างไร รวมถึงเรื่องที่เอาหน้ากากของนางมา เปลี่ยนตัวตนและกลับไปยังเมืองหลวงอย่างไร
เย่จิ่งอวี้ไม่เชื่อ ดังนั้นนางจึงหยิบหน้ากากใบหน้าของฟางรั่วออกจากอกเสื้อของนาง
ขณะที่ฟังเย่จิ่งอวี้ก็ขมวดคิ้ว แต่เขารู้สึกมีความสุขเล็กน้อยในใจ
สมแล้วที่เป็นหญิงที่เขาตกหลุมรัก นางมีไหวพริบมากพอที่จะคิดวิธีดังกล่าวขึ้นมาได้
อินชิงเสวียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ถ้าหม่อมฉันไปหาอาซือหลานในฐานะฟางรั่ว เขาจะปรากฏตัวอย่างแน่นอน ตราบใดที่เราวางแผนอย่างดี เราก็สามารถจับเขาได้ในคราวเดียว”
เย่จิ่งอวี้คัดค้านทันที
“อาซือหลานเจ้าเล่ห์ อีกอย่างเจ้ากับฟางรั่วก็ไม่ได้คุ้นเคยกันมากนัก ต้องมีข้อพิรุธแน่นอน”
อินชิงเสวียนทำหน้ามุ่ยอย่างไม่พอใจ
“แล้วหน้ากากผิวหนังมนุษย์ที่หม่อมฉันเอามามิต้องสูญเปล่าหรอกหรือ”
เย่จิ่งอวี้กอดร่างที่เพรียวบางและอ่อนนุ่มของนาง แล้วพูดอย่างอบอุ่น “ข้าหาคนอื่นแทนได้แล้ว องครักษ์เงาของข้าไม่ใช่ผู้ชายทุกคน ปกติจะอยู่แต่ในวังและไม่ค่อยออกไปข้างนอก ข้าหาคนไปตรวจสอบสถานการณ์ในเมืองหลวงก่อน แล้วค่อยปลอมตัวเป็นสตรีชื่อฟางรั่ว”
“แต่คนอื่นไม่คุ้นเคยกับอาซือหลานเท่าหม่อมฉัน”
อินชิงเสวียนยังคงต้องการจับอ๋องขยะด้วยมือของนางเอง
หากไม่ใช่เพราะเจ้าตัวปัญหานี้ ครอบครัวของเจ้าของร่างเดิมคงไม่ถูกเนรเทศเลย และแม้ว่าเจ้าของร่างเดิมจะไม่ได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาท ก็คงไม่ถึงขั้นต้องถูกผลักไสไปยังวังเย็น
เรื่องทรยศทั้งหมดนี้เกิดจากเขา แม้ว่าอินชิงเสวียนจะไม่ได้ใกล้ชิดกับครอบครัวของเจ้าของร่างเดิมมากนัก แต่นางก็ยังต้องการทำอะไรบางอย่างให้กับเจ้าของร่างเดิม ถึงอย่างไรนางก็ครอบครองร่างนี้แล้ว
“ไม่เป็นไร ตราบใดที่เข้าใกล้เขา ก็เท่ากับทำสำเร็จไปแล้วตรึ่งหนึ่ง”
เมื่อเห็นการปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่าของเย่จิ่งอวี้ อินชิงเสวียนก็ไม่สามารถโต้เถียงกับเขาอีกต่อไป ถึงอย่างไรเขาก็ทำเพื่อความปลอดภัยของตัวเองเช่นกัน
จากนั้นก็ถามอย่างสงสัย “ฝ่าบาทรู้จักโยวหลานได้อย่างไร จ้าวเอ๋อร์กลับไปที่ตำหนักจินหวูแล้วหรือเพคะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ยังอัพไม่จบเลย หลายเรื่องเลย อัพมาครึ่งทางแล้วทำไมหยุดอัพดื้อๆค่ะ...
จะอัพเมื่อไหร่คะ...
มาต่อเร็วๆนะแอด...
หยุดอีกแล้ว...
กระหม่อม หม่อมฉัน สลับมั่วไปหมด...
มาอ่านต่อกันเร็วๆ แอดกลับมาอัพต่อแล้ว ขอบคุณค่ะ...
สนุกมาก น่าติดตามมาก เขียนและแปลได้ดีจริงๆ ดีใจที่กลับมาลงต่อ อัพเดตเรื่อยๆ วันละหลายๆ ตอน นะคะ...
หยุดชะงักลงตรงบทนี้ ต่อหรือพอเพียงแค่นี้😁...
หยุดแค่นี้หรือไปต่อ😁...
อัพต่อรออยู่ค่ะ...