สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 362

“ผู้ที่ชื่อต่งจื่ออวี๋ให้ข้าไว้ บอกว่ามาจากสำนักกระบี่สังหารเพคะ”

อินชิงเสวียนเก็บกระพรวนทองขึ้นมา เสียงกรุ๊งกริ๊งของพวงกระพรวนก็ดังขึ้นอีก

สายตาของเย่จั้นเปลี่ยนไปอย่างต่อเนื่อง เขาคุ้นเคยกับเสียงนี้มากเหลือเกิน ตอนที่อาหลีหายตัวไป เขาก็ได้ยินเสียงกระพรวนแบบนี้เช่นกัน

จึงถามขึ้นด้วยความสงสัย “เจ้ารู้หรือไม่ว่าสำนักกระบี่สังหารอยู่ที่ใด?”

อินชิงเสวียนครุ่นคิดครู่หนึ่ง “ต่งจื่ออวี๋เคยบอกว่าอยู่ที่ภูเขาหิมะแต่อยู่บนภูเขาหิมะลูกไหน หม่อมฉันไม่อาจทราบได้เพคะ”

เย่จั้นถามอีกว่า “เจ้าสามารถติดต่อต่งจื่ออวี๋ได้หรือไม่?”

อินชิงเสวียนยักไหล่

“เขาบอกว่ากระพรวนพวงนี้สามารถใช้เรียกเขาได้เพียงเวลาค่ำคืนเท่านั้น เกรงว่าตอนนี้จะติดต่อหาเขาไม่ได้”

นางเหลือบมองเย่จั้น และถามอีกว่า “ท่านอ๋องรู้จักกระพรวนนี้ด้วยหรือ?”

เย่จั้นสายตาขรึมลงเล็กน้อย น้ำเสียงก็เย็นลงเล็กน้อย

“กระพรวนนี้อาจเกี่ยวข้องกับท่านอาของเจ้า”

เย่จั้นนำกระพรวนคืนให้กับอินชิงเสวียน พูดด้วยสีหน้าเย็นชาว่า “วันนั้นที่ข้าให้เจ้าเล่นพิณโบราณตัวนั้น เพราะมีแผนการอย่างอื่นด้วย พิณตัวนั้นมีความพิเศษและไม่ใช่สิ่งของธรรมดา ดังนั้นข้าจึงสงสัยว่าอาจมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับผู้คนในยุทธภพนี้”

อินชิงเสวียนได้ยินก็ทำหน้างุนงง

เหตุใดนางจึงมีท่านอาโผล่ขึ้นมาอีกคน หรือว่าผู้หญิงในรูปที่หน้าตาละม้ายคล้ายกับนาง ความจริงแล้วเป็นคนในตระกูลอินเช่นกัน?

เย่จั้นพูดต่อว่า “ความจริงพิสูจน์ว่าข้าไม่ได้เดาผิด พิณตัวนั้นควรเป็นของหลี่เฟิ่งอี๋ ผู้เป็นภรรยาของลิ่นเซียว ตามคำเล่าขานกล่าวว่า พิณตัวนี้มีเพียงผู้มีบุญวาสนาจึงจะบรรเลงออกมาได้”

“ทว่าสิ่งนี้เกี่ยวข้องอะไรกับกระพรวนทอง รวมถึงท่านอาของข้า และท่านอาคือผู้ใด?”

ในสมองของอินชิงเสวียนแทบไม่มีความทรงจำของท่านอาเลย

เย่จั้นครุ่นคิดอยู่เงียบๆ ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “นางมีนามว่าอินหลี นางรู้จักข้าเมื่อสองปีก่อน นางเคยไปที่โรงเตี๊ยมโหย่วเจียและบรรเลงพิณตัวนั้นได้ หลังจากนั้นเพียงวันเดียวก็หายตัวไป ตอนที่ข้าไปตามหานาง ก็ได้ยินเพียงเสียงกระพรวนที่กำลังหายไป”

อินชิงเสวียนทำสีหน้าตกใจ

“หรือว่า... ท่านอาน้อยของข้าคือผู้ที่บรรเลงพิณการเวกเป็นคนที่สาม?”

เย่จั้นพยักหน้าและพูดว่า “ถูกต้อง สองคนที่เหลือก็คือจังอันหลี่ ผู้ควบคุมดนตรีแห่งกรมพิธีการ และพระเจ้าอยู่หัวองค์ปัจจุบัน และสำนักของหลี่เฟิ่งอี๋ก็คือหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้เครื่องดนตรีเป็นหลัก”

อินชิงเสวียนยังไม่ค่อยเข้าใจนัก

“เช่นนั้นหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์และสำนักกระบี่สังหารเกี่ยวข้องอะไรกัน?”

“ข้าก็ไม่แน่ใจ ตอนนี้ข้ามีเพียงสองเบาะแสเท่านั้น ข้าคิดมาตลอดว่าการหายตัวไปของอินหลี ต้องเกี่ยวข้องกับสำนักเสียงศักดิ์สิทธิ์และกระพรวนทองชิ้นนี้แน่นอน”

“เช่นนั้น... ท่านอาน้อยของข้า... ไม่อยู่กับตระกูลอินงั้นหรือ?”

เหตุใดนางไม่มีความทรงจำเลย ในความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมก็ไม่มี

“ท่านย่าของเจ้าให้กำเนิดท่านอาน้อยก็ตกเลือดจนตาย ท่านอาน้อยของเจ้ารู้สึกผิดมาตลอดว่าตัวเองทำให้ท่านแม่ต้องตาย เมื่ออายุได้สิบปีก็ออกไปบำเพ็ญเพียร และอยู่ที่วัดสุ่ยจิ้งนอกเมืองมาโดยตลอด”

เย่จั้นมองไปยังด้านหน้า สายตาแฝงไปด้วยความนึกคิดถึงในอดีต แต่กลับผสมผสานความคิดถึงที่ไม่สามารถอธิบายได้

“ข้าได้รู้จักกับนางนับว่ามีวาสนาต่อกันสินะ”

อินชิงเสวียนเข้าใจในทันที คิดว่าเย่จั้นชอบท่านอาน้อยของเจ้าของร่างเดิม ไม่แปลกที่เขาเป็นห่วงเรื่องของตระกูลอินมากขนาดนี้ นี่คงเป็นเพราะการที่รักใคร ก็รักคนที่เกี่ยวข้องกับเขาด้วยสินะ

“ท่านอ๋องเคยส่งคนออกไปตามหาท่านอาน้อยของข้าด้วยหรือ?”

เสียงของเย่จั้นมีความหดหู่เล็กน้อย

“สองปีนี้ ข้าคอยตามหาตัวนางอยู่ตลอด ถึงนางจะถูกเนรเทศ ก็ยังดีกว่าเงียบหายไปไม่มีข่าวคราวเช่นนี้”

เขาเงยหน้าขึ้น มองไปที่อินชิงเสวียนและพูดว่า “ได้ยินมาว่าคืนนี้เจ้าต้องไปเรียนวิชาพิณกับลิ่นเซียว หากว่าเจ้าพอสนิทสนมกับเขาขึ้นบ้าง ได้โปรดสืบถามเรื่องหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์แทนข้าด้วย อีกอย่างก็คือ เจ้าให้ข้ายืมกระพรวนทองก่อนได้หรือไม่ พรุ่งนี้ก่อนออกเดินทางข้าจะนำไปคืนให้กับเจ้า”

เมื่อเห็นถึงความรักที่เขามีต่อท่านอาน้อย อินชิงเสวียนก็รู้สึกซาบซึ้งใจ และมอบกระพรวนทองให้กับเย่จั้น

จากนั้นก็พูดกำชับว่า “ต่งจื่ออวี๋เป็นผู้ที่มีวิชาการต่อสู้แข็งแกร่งมาก วิชาตัวเบาก็ล้ำเลิศเป็นที่สุด หากไม่มีสิ่งใดร้ายแรง ท่านอ๋องโปรดอย่าได้ต่อสู้กับเขาเด็ดขาด”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์