เมื่อเห็นท่าทางเช่นนี้ของนาง อินชิงเสวียนถามขึ้นด้วยทีเล่นทีจริงว่า “ทำไมหรือ หรือว่าข้าทำให้เจ้าตกใจ?”
สวีจือย่วนรีบก้มหน้าลง
“ไม่เพคะ หม่อมฉันร่างกายอ่อนแอ จึงไม่อาจลุกขึ้นถวายบังคมเหนียงเหนียงได้”
เมื่อนางเอียงหัวไหล่ รอยปานนั้นก็โผล่ออกมาในทันที
อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะคิดถึงปานบนไหล่ของนาง แม้ว่านางจะไม่เคยเห็นมันมาก่อน แต่จอมพลเฒ่ากลับจำนางได้เพราะรอยปานนั้น
ความคิดที่น่าประหลาดก็ผุดขึ้นมาในใจ เย่จิ่งอวี้คงไม่จำผิดคนหรอกนะ
อย่างไรก็ยังมีคนอีกมากมายที่มีรอยปานแบบนั้น ไม่นับว่าเป็นสิ่งที่หาได้ยาก
ความคิดที่ล่องลอยไปชั่วขณะก็ถูกอินชิงเสวียนดึงสติกลับมา นางเดินมาด้านหน้าเตียง ดวงตากลมโตมองสวีจือย่วนด้วยความเหยียดหยาม
“นับตั้งแต่ส่งดวงวิญญาณของไทเฮาแล้ว ข้าก็อยู่กับฝ่าบาทโดยตลอด เจ้าท่าทางเช่นนี้ ราวกับว่าข้าเป็นผู้ที่ทำร้ายเจ้า”
สวีจือย่วนเม้มริมฝีปาก และพูดขึ้นด้วยความหวาดกลัว “หม่อมฉันไม่กล้าสงสัยเหนียงเหนียงหรอกเพคะ”
อินชิงเสวียนทำเสียงฮึดฮัดเบาๆ “เจ้าจะคิดอย่างไร ข้าไม่ใคร่อยากรู้สักนิด ข้ามาที่นี่ก็เพื่ออยากบอกเจ้าว่า ข้าไม่มีเวลามาเล่นสนุกกับเรื่องไม่เป็นเรื่องของเจ้า และยิ่งไม่มีทางเห็นเจ้าอยู่ในสายตา เมื่อก่อนที่ข้าเห็นแก่พี่ใหญ่ของข้า จึงเห็นใจเจ้าอยู่มากทีเดียว ตอนนี้หวังเพียงให้เจ้ารู้สถานะของตัวเอง และอย่าได้เล่นลูกไม้สกปรกพวกนี้อีก”
สวีจือย่วนเปลี่ยนสีหน้าในทันที
“เหนียงเหนียงใส่ร้ายหม่อมฉันได้อย่างไรเพคะ หม่อมฉันเป็นผู้บริสุทธิ์และใสสะอาด และแทบไม่รู้จักกับพี่ใหญ่ของเหนียงเหนียงเลยนะเพคะ”
อินชิงเสวียนหัวเราะเยาะ และพูดอย่างเย็นชา “เจ้าไม่รู้จักพี่ใหญ่ของข้า แต่เจ้ากลับหลงรักใบหน้าของพี่ใหญ่ข้า น่าเสียดาย เขาเป็นเพียงสายลับของศัตรูที่ปลอมตัวมา เจ้ารู้ว่าเขาเป็นผู้ที่สมคบกับศัตรู แต่กลับให้เขาพักรักษาตัวที่ตระกูลสวี โทษของการปกป้องคนผิด มากพอที่จะสังหารทั้งตระกูลของเจ้า”
สวีจือย่วนตื่นตระหนกในทันที นางใช้แรงบีบผ้าห่มไว้อย่างแรง
“ฝ่าบาทผู้รอบรู้ แม้หม่อมฉันจะมีความกล้าเทียมฟ้า ก็ไม่อาจหาญพอจะปกป้องผู้ที่กระทำความผิดนะเพคะ”
อินชิงเสวียนพูดอย่างไม่เกรงใจ “ความกล้าของเจ้าใหญ่เกินฟ้าด้วยซ้ำ เพื่อใกล้ชิดกับอินสิงอวิ๋นตัวปลอม เจ้าแกล้งว่าถูกจับตัวออกนอกวัง เมื่อรู้ว่าเขาเป็นคนของศัตรู ก็รีบเปลี่ยนความคิดมาเข้าหาฝ่าบาท สวีจือย่วน ภายนอกของเจ้าขาวสะอาดราวกับดอกบัว แต่ภายในใจของเจ้ากลับสกปรกโสมมยิ่งนัก ซึ่งน่าขยะแขยงจนแทบสำรอกออกมา”
สวีจือย่วนสีหน้าซีดขาว พูดขึ้นด้วยความลนลาน “หม่อมฉันเปล่านะเพคะ วันนั้นหม่อมฉันก็ถูกคนจับออกไปนอกวังเช่นกัน”
อินชิงเสวียนพูดโดยใช้ถ้อยคำและสายตาข่ม “หากถูกจับตัวไปจริงๆ เหตุใดเจ้าจึงปรากฏตัวอยู่ที่เรือนจุ้ยหงเพียงผู้เดียว สวีจือย่วน ความคิดของเจ้าอาจปิดบังฝ่าบาทได้ แต่ไม่อาจปิดบังข้าได้อย่างแน่นอน”
น้ำตาของสวีจือย่วนไหลออกมาอีกครั้งในทันที
“หม่อมฉันเปล่านพเพคะ หม่อมฉันถูกบังคับจริงๆ”
เมื่อได้ยินบทสนทนาของทั้งสอง จู่ๆ เย่จิ่งอวี้ก็นึกถึงวันนั้นที่พบสวีจือย่วนในเรือนจุ้ยหง วันนั้นนางปะปนอยู่ในกลุ่มคน แต่ไม่มีทีท่าเหมือนว่ากำลังถูกบีบบังคับ
เขาหัวหน้ามา และมองไปที่สวีจือย่วนด้วยแววตาที่เคร่งขรึมเล็กน้อย
“ข้าเคยถามเจ้าว่ามีคนที่ชอบคอหรือไม่ วันนี้ข้าจะถามเจ้าอีกครั้งหนึ่ง หากเจ้ามีความสุขที่ได้รักใคร่ชอบคอกับผู้ใด ข้าจะหาเหตุผลเพื่อให้เจ้าได้ออกจากวัง”
สวีจือย่วนร้องไห้ราวดอกท้อต้องหยาดฝน และส่ายหัวไม่หยุด
“หม่อมฉันไม่มีเพคะ ดวงใจของหม่อมฉันมีฝ่าบาทเพียงผู้เดียวมาโดยตลอด”
เย่จิ่งอวี้เพ่งสายตา และมองบนใบหน้าของสวีจือย่วน ราวกับกำลังเปิดโปงความคิดที่แท้จริงของนาง
สวีจือย่วนตื่นตระหนกตกใจอย่างอดไม่ได้ น้ำตาไหลออกมาไม่หยุด นางอยากบอกว่าความจริงแล้วอินสิงอวิ๋นผู้นั้นชอบอินชิงเสวียน แต่เมื่อเห็นฝ่าบาทมีท่าทางไม่อดทน เกรงว่าเขาจะไม่เชื่อ นางจึงทำได้เพียงเปลี่ยนคำพูด
“นับตั้งแต่หม่อมฉันเริ่มเข้าวัง ก็ไม่เคยมีใจที่ไม่สัตย์ซื่อ หม่อมฉันและฝ่าบาทรู้จักกันตั้งแต่ยังเด็ก ความรักก่อขึ้นเมื่อครั้งพบ จึงหยั่งรากลึกในความรักที่มีต่อฝ่าบาท หม่อมฉันไม่ขอร้องให้ฝ่าบาทรักหม่อมฉันมากมายนัก เพียงหวังว่าจะสามารถอยู่ปรนนิบัติรับใช้ในวัง ขอฝ่าบาทช่วยให้สมปรารถนาด้วย หากฝ่าบาทไม่อนุญาต หม่อมฉันก็จะตายที่นี่เพื่อพิสูจน์ความจริงใจ”
เย่จิ่งอวี้ถูกนางร้องไห้ใส่จนเริ่มรำคาญ
“ไม่ต้องพูดสิ่งใดแล้ว ข้าไม่มีวันลืมบุญคุณที่เจ้าช่วยชีวิตข้าไว้ หากเจ้ายินดีที่จะอยู่ในวัง ก็รักษาตัวให้ดีในหอสุ่ยอวิ้น ข้ายังมีเรื่องต้องทำ วันหลังข้าจะมาเยี่ยมใหม่”
“ฝ่าบาท!”
สวีจือย่วนเรียกออกมาอย่างไม่ยอมตายใจ เย่จิ่งอวี้เดินออกไปโดยไม่หันหลังกลับมา
อินชิงเสวียนมองสวีจือย่วนด้วยสายตาเหยียดหยาม พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เจ้าคิดว่าน้ำตาเพียงไม่กี่หยดจะทำให้ฝ่าบาทอยู่ต่อได้งั้นหรือ? เกรงว่าเจ้าจะมองฝ่าบาทง่ายเกินไปแล้ว”
นางหันตัวกลับไป และจับแก้วชาที่อยู่บนโต๊ะ พลังในมิติระเบิดออกมา เสียงเครื่องลายครามแตกละเอียดดังขึ้น แก้วเคลือบถูกนางบีบจนแตกละเอียดเป็นชิ้นเล็กๆ นับไม่ถ้วน
“สวีจือย่วน ต้นคอของเจ้าแข็งแรงเท่าแก้วเคลือบใบนี้หรือไม่? หากข้าอยากทำให้เจ้าถึงตาย มันจะง่ายดายราวกับบีบมดตัวหนึ่งให้ตาย นี่เป็นโอกาสครั้งสุดท้าย อย่าบีบให้ข้าต้องทำร้ายใคร”
อินชิงเสวียนคลายนิ้วมือออก เศษแก้วกระจายลงบนพื้นในทันที
นางยิ้มอย่างหยามเหยียด และหมุนตัวเดินออกนอกประตู
สวีจือย่วนเอามือที่หน้าอกของนาง สายตาเต็มไปด้วยความกลัวและความแค้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ยังอัพไม่จบเลย หลายเรื่องเลย อัพมาครึ่งทางแล้วทำไมหยุดอัพดื้อๆค่ะ...
จะอัพเมื่อไหร่คะ...
มาต่อเร็วๆนะแอด...
หยุดอีกแล้ว...
กระหม่อม หม่อมฉัน สลับมั่วไปหมด...
มาอ่านต่อกันเร็วๆ แอดกลับมาอัพต่อแล้ว ขอบคุณค่ะ...
สนุกมาก น่าติดตามมาก เขียนและแปลได้ดีจริงๆ ดีใจที่กลับมาลงต่อ อัพเดตเรื่อยๆ วันละหลายๆ ตอน นะคะ...
หยุดชะงักลงตรงบทนี้ ต่อหรือพอเพียงแค่นี้😁...
หยุดแค่นี้หรือไปต่อ😁...
อัพต่อรออยู่ค่ะ...