อินชิงเสวียนอุ้มลูกชายขึ้นมา แล้วตอบอย่างจริงครึ่งไม่จริงครึ่งว่า “ข้ามีของวิเศษที่สามารถเก็บสิ่งของ และสามารถเอาออกมาได้เพียงแค่คิด”
ต่งจื่ออวี๋อ้าปากด้วยความประหลาดใจ
“นั่นเป็นของวิเศษเทพไม่ใช่หรอกหรือ”
“เรื่องนี้เจ้าห้ามไปบอกใครนะ”
หลังจากที่อินชิงเสวียนพูดจบก็หยิบน้ำพุวิญญาณออกมาอีกถุงหนึ่ง
“ถือว่านี่เป็นค่าปิดปาก”
ต่งจื่ออวี๋รับมาด้วยความตื่นเต้น
“ขอบคุณท่านผู้อาวุโส”
ระยะนี้ทักษะวรยุทธ์ของเขาก้าวหน้าขึ้นมาก หากเป็นเมื่อก่อนเขาคงหมดสติเพราะเพลงหยกรัตติกาลของอาจารย์อาไปแล้ว ตอนนี้ที่เขาสามารถต้านทานได้ทั้งหมดได้ก็เพราะอินชิงเสวียน
“ด้วยความยินดี”
อินชิงเสวียนนั่งอุ้มลูกบนเก้าอี้ไม้ไผ่ และทันใดนั้นก็นึกถึงกระพรวนทองพวงนั้น
บังเอิญว่าผู้อาวุโสผมขาวไม่อยู่เรือนพอดี จึงสามารถถามต่งจื่ออวี๋เพิ่มเติมได้
“กระพรวนทองของเจ้านอกการส่งสัญญาณแล้ว ยังส่งผลอย่างอื่นอีกหรือไม่”
ต่งจื่ออวี๋กำลังดื่มน้ำจากน้ำพุวิญญาณ เมื่อได้ยินเขาก็เกือบสำลัก เขารีบวางถุงน้ำลงแล้วพูดว่า “ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่ได้ยินจากอาจารย์อาของข้าว่ากระพรวนทองนี้แต่เดิมมีสามพวง ซึ่งก่อตัวขึ้นตามการกำเนิดของสามพรสวรรค์แห่งโองการฟ้าดิน กระพรวนทองแต่ละอันจะสลักด้วยหกติงหกเจี่ย ว่ากันว่ากระพรวนทองสิบอันจะประกอบกันเป็นหนึ่งพวง แต่ต่อมาได้หายไปพวงหนึ่ง”
ต่งจื่ออวี๋ยิ้มอย่างซื่อๆ พูดว่า “บางทีอาจารย์อาจคิดว่าอีกสองพวงที่เหลือไม่มีประโยชน์ จึงให้ข้ามาพวงหนึ่ง”
อินชิงเสวียนหวนคิดอย่างถี่ถ้วน แล้วก็พบว่ากระพรวนเล็กๆ นั้นไม่ได้เป็นผิวเกลี้ยงราบเรียบ แต่นางไม่ได้สนใจกับสิ่งที่สลักไว้บนนั้น
เมื่อได้ยินสิ่งที่ต่งจื่ออวี๋พูดเช่นนี้ นางยิ่งรู้สึกว่าสิ่งนี้มีค่ายิ่งกว่านั้น ยิ่งกว่านั้นอาจารย์ของเขาเป็นคนมอบกระพรวนให้ คงเป็นไปไม่ได้ที่เพราะว่ากระพรวนทองหายไปพวงหนึ่งแล้วจะมอบให้ง่ายๆ เช่นนั้น จึงสรุปได้ว่าเจ้าเด็กนั่นเป็นคนโง่ที่มีวาสนาของคนโง่
ทันใดนั้นก็นึกขึ้นได้ว่าเย่จั้นจากไปแล้ว เขาจะต้องนำกระพรวนทองดตัวไปด้วย จึงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
“กระพรวนนั้น...เจ้าไม่ต้องการแล้วจริงๆ หรือ”
ต่งจื่ออวี๋ตบผาง แล้วพูดว่า “สุภาพบุรุษพูดแล้วไม่คืนคำ ในเมื่อผู้เยาว์บอกว่าจะมอบให้กับผู้อาวุโส ย่อมไม่ทวงคืนอยู่แล้ว”
อินชิงเสวียนถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่นางยังคงรู้สึกผิดต่อต่งจื่ออวี๋ ถึงอย่างไรก็เป็นสิ่งของล้ำค่า ตัวเองแลกเปลี่ยนแค่ด้วยน้ำ ช่างน่าละอายใจจริงๆ
แล้วจึงถามว่า “อาจารย์อาของเจ้าบอกว่าจะกลับมาเมื่อไหร่”
ต่งจื่ออวี๋มองดูท้องฟ้า
“น่าจะเป็นต้อนตะวันตกดินกระมัง”
อินชิงเสวียนรีบพูดทันที “เช่นนั้นข้าจะให้น้ำทิพย์กับเจ้าเพิ่ม เจ้านำไปอาบแช่เถอะ ข้าเห็นว่ามีถังอยู่ในเรือนเล็กทางทิศตะวันตก เหมาะกับเจ้าพอดี แต่เจ้าต้องรีบหน่อย อย่าให้อาจารย์อารู้เข้าล่ะ”
แม้ว่าชายผมขาวอาจไม่ใช่คนเลว แต่อินชิงเสวียนคงยังรู้สึกว่าน้อยเรื่องดีกว่ามากเรื่อง ที่นางเอาน้ำให้ต่งจื่ออวี๋ เพราะไม่อยากให้เขาเสียเปรียบจริงๆ หากเขากลับไปหาอาจารย์ในสำนักแล้วไม่สามารถอธิบายได้ เขาจะต้องถูกลงโทษอย่างแน่นอน
ขณะที่กำลังพูดอยู่นั้นก็มาถึงเรือนเล็กทางทิศตะวันตกแล้ว พอขยับตัว น้ำทิพย์ก็ไหลออกมาจากความว่างเปล่า น้ำก็เต็มถังในทันที
“บางทีมันอาจช่วยเจ้าชำระวิญญาณล้างไขกระดูกได้ เจ้ารีบเข้าไปแช่ตัวเถอะ”
ต่งจื่ออวี๋ลืมความประหลาดใจไปแล้ว เมื่อได้ยินว่าน้ำนี้สามารถชำระวิญญาณล้างไขกระดูกได้ เขาก็จัดแจงถอดเสื้อผ้าออกทันที
อินชิงเสวียนตกใจ นางนี่โง่จริงๆ แล้วนางก็รีบอุ้มเสี่ยวหนานเฟิงวิ่งออกไปทันที
ต่งจื่ออวี๋แทบรอไม่ไหวที่จะกระโดดลงไปในน้ำ เขารู้สึกว่าอุณหภูมิของน้ำกำลังพอดี เขาอดไม่ได้ที่จะกระโดดลงแช่น้ำอย่างมีความสุข
เขาอยู่บนภูเขาตลอด มีจิตใจที่เรียบง่าย คราวนี้ความไร้เดียงสาแบบเด็กๆ กำลังพลุ่งพล่าน เขาเล่นน้ำอย่างสนุกสนาน
เมื่อได้ยินเสียงน้ำ เสี่ยวหนานเฟิงก็เริ่มกระวนกระวาย ยื่นมือเล็กๆ ชี้ไปในทิศทางนั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ยังอัพไม่จบเลย หลายเรื่องเลย อัพมาครึ่งทางแล้วทำไมหยุดอัพดื้อๆค่ะ...
จะอัพเมื่อไหร่คะ...
มาต่อเร็วๆนะแอด...
หยุดอีกแล้ว...
กระหม่อม หม่อมฉัน สลับมั่วไปหมด...
มาอ่านต่อกันเร็วๆ แอดกลับมาอัพต่อแล้ว ขอบคุณค่ะ...
สนุกมาก น่าติดตามมาก เขียนและแปลได้ดีจริงๆ ดีใจที่กลับมาลงต่อ อัพเดตเรื่อยๆ วันละหลายๆ ตอน นะคะ...
หยุดชะงักลงตรงบทนี้ ต่อหรือพอเพียงแค่นี้😁...
หยุดแค่นี้หรือไปต่อ😁...
อัพต่อรออยู่ค่ะ...