นี่คงจะเป็นดั่งคำที่ว่า ไม่พบหนึ่งวันเหมือนหนึ่งร้อยปี
นอกจากแม่ของเขาแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่เย่จิ่งอวี้คะนึงหาใครบางคนมากขนาดนี้
ความรู้สึกนั้นทั้งหอมหวานและขมขื่น ราวกับแสงจันทร์ที่พร่ามัว อันทำให้อารมณ์ของคนค่อยๆ ลุกลามท่วมท้น
เมื่อมองดูแสงจันทร์จางๆ บนขอบฟ้า อารมณ์ของเย่จิ่งอวี้ก็ดิ่งลง เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย และค่อยๆ เดินเข้าไปในตำหนักเฉิงเทียน
ตะเกียงถูกจุดไว้ข้างในแล้ว และแสงเทียนอันสว่างจ้าสะท้อนให้เห็นรูปร่างอันสูงโปร่งของเขา
เมื่อมองดูเงาใต้ฝ่าเท้า เย่จิ่งอวี้ก็รู้สึกเหงาขึ้นมาทันที
ในวังหลวงอันใหญ่โตแห่งนี้ นอกเหนือจากเสวียนเอ๋อร์ของเขาแล้ว กลับไม่มีผู้ใดที่รู้ใจเขาเลย
มีเพียงเสวียนเอ๋อร์ของเขาเท่านั้น ที่คิดเผื่อเขาทุกอย่างอย่างแท้จริง เมื่อนึกถึงทุกฉากทุกเหตุการณ์ตอนที่เขาพบนางในวัง เย่จิ่งอวี้ก็ยกริมฝีปากขึ้นเล็กน้อย
ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกเสียใจ ตัวเองไม่ควรหุนหันรับปากให้อินชิงเสวียนกลับบ้านเป็นเวลาสามวันเลย ถ้านางต้องการรำลึกถึงอดีต แค่วันหนึ่งก็เพียงพอแล้ว
พอคิดว่าเหลือเวลาอีกหนึ่งวันนางถึงจะกลับมา เย่จิ่งอวี้ก็อยากจะไปตระกูลอินและพานางกลับมาเดี๋ยวนี้เลย
ขณะที่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้น หลี่เต๋อฝูก็กลับมาพร้อมกับอาหาร
“ฝ่าบาทคงจะหิวมาก กระหม่อมตรวจสอบอาหารสำรับนี้เรียบร้อยแล้ว ฝ่าบาทรีบเสวยเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
เย่จิ่งอวี้พูดเบาๆ “ไปเอาสุรามาให้ข้าหน่อย”
หลี่เต๋อฝูตกตะลึงเล็กน้อย
หากไม่มีงานเลี้ยงในวัง ฝ่าบาทก็ไม่เคยดื่มสุรา
ทว่าเขากลับตอบด้วยรอยยิ้ม “กระหม่อมจะให้คนไปนำมาเดี๋ยวนี้ ช่วงนี้กิจการบ้านเมืองยุ่งวุ่นวายมาก ฝ่าบาทก็เหนื่อยมากจริงๆ ถ้าดื่มสุราคลายความเหนื่อยล้าก็ดีเช่นกันพ่ะย่ะค่ะ”
เย่จิ่งอวี้ตวัดหางตามองแวบหนึ่ง แล้วหลี่เต๋อฝูก็ปิดปากเงียบทันที
หลังจากนั้นไม่นานขันทีน้อยก็นำสุรามาให้ หลี่เต๋อฝูเทใส่จอกให้เย่จิ่งอวี้ และยืนคอยอยู่ข้างๆ
แม้ว่าจะไปที่ตำหนักฉงหวู่ อารมณ์ของฝ่าบาทก็จะดีขึ้นเพียงชั่วระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น หลี่เต๋อฝูไม่เสี่ยงกับความโชคร้าย เขาปิดปากแน่น
ไม่นานสุราก็หมดกา เย่จิ่งอวี้เริ่มมึนเมาเล็กน้อย พูดกับหลี่เต๋อฝูว่า “ไปเอาขวดมาให้ข้าอีกกา”
เมื่อเห็นเรียวตาหงส์แดงก่ำ หลี่เต๋อฝูก็จำใจต้องพูดว่า “ฝ่าบาททรงดื่มไปมากแล้ว ดื่มสุรามากเกินไปจะเป็นอันตรายต่อพระวรกาย”
ใบหน้าของเย่จิ่งอวี้มืดลง
“อย่าพูดมาก รีบไป”
หลี่เต๋อฝูไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากให้ขันทีน้อยไปนำมาอีกกา
ดังสุภาษิตที่ว่า การดื่มทำให้เศร้า และยิ่งดื่มมากเท่าใด เย่จิ่งอวี้ก็ยิ่งหดหู่มากขึ้นเท่านั้น
นับตั้งแต่เขาขึ้นครองบัลลังก์ ก็เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติและภัยพิบัติทางทหารอย่างต่อเนื่อง หรือว่าเขาไม่ใช่คนที่สวรรค์เลือกจริงๆ
เมื่อนึกถึงการพ่ายแพ้ให้กับเจียงวูติดๆ กัน เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหงุดหงิดในใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...
คนที่แสดงตัวเป็นพี่ใหญ่ไม่น่าจะเป็นตัวจริงเพราะมีพฤติกรรมลับลมคมในเรื่องต่างๆและทำให้เรื่องต่างๆแย่ลง เหมือนว่าจะหลงรักน้องสาวตัวเองเลยไม่รู้ว่าเป็นน้องแท้ๆหรือเปล่า...
มีคนเล่นตุกติกกับชุดของเด็กแล้วอยู่ในวังต้องระมัดระวังก็รู้อยู่นะคราวนี้ผ่านมาทางคนที่สนิท...
ดีจริงแทนที่จะเสียคะแนนได้คะแนนมาเพิ่มอีก...
ทางด้านกลยุทธ์น่าจะได้แต่ทางด้านวรยุทธหรือพละกำลังน่าจะไม่ไหวดังนั้นต้องพิสูจน์ตัวเอง...
อายุยังไม่ทันถึง 6 เดือนเลยละมั้งทำไมพูดคุยได้แล้วเก่งจริง...
โกหกครั้งหนึ่งก็ต้องโกหกต่อๆไป...
ความแตกแล้วมั้งเนี่ย...
เกือบไปแล้ว...