อินชิงเสวียนน้อมตัวและพูดว่า “ขอบพระทัยฝ่าบาทที่ทรงเชื่อใจ”
หากสามารถตัดศีรษะก่อนทูลขอความเห็นจากฮ่องเต้ได้ ก็จะสามารถปราบนายพลที่คุ้มกันด่านเหล่านั้นได้
เย่จิ่งอวี้พยุงนางขึ้น และดึงตัวของนางมาที่ข้างกายตัวเอง
“ข้าต้องขอบใจเสวียนเอ๋อร์ เจาคือดาวนำโชคของข้า หากเจ้าไม่ได้สืบหาตัวตนที่แท้จริงของอาซือหลาน ข้าก็คงไม่สืบค้นเรื่องของตระกูลอินอีกครั้ง ท่านพ่อและท่านพี่ของเจ้าก็ไร้หนทางกลับมาที่เมืองหลวง และแน่นอนว่าไม่สามารถช่วยแบ่งเบาความทุกข์ของข้าได้”
“ล้วนเป็นสิ่งที่หม่อมฉันพึงกระทำเพคะ พรุ่งนี้ฝ่าบาทยังมีประชุมราชกิจเช้าอีก วันนี้ทรงรีบพักผ่อนเถอะเพคะ”
อินชิงเสวียนกำลังจะลุกขึ้น กลับถูกเย่จิ่งอวี้เอื้อมมือไปดึงไว้
“เสวียนเอ๋อร์ยังโกรธข้าอยู่งั้นหรือ?”
เขาเอาคางมาวางไว้บนหัวไหล่ของนาง ชุดกระโปรงพับกลีบคอกว้างก็ไหล่ตกลงมาเล็กน้อย
รอยปานสีแดงรูปผีเสื้อสะท้อนในม่านตาของเย่จิ่งอวี้
ร่องรอยที่อยู่ตรงหน้าและภาพในความทรงจำซ้อนทับกันทันที ม่านตาของเย่จิ่งอวี้หดลงในทันที
รอยปานนี้... เหตุใดจึงละม้ายกันเช่นนี้?
หรือว่า... อินชิงเสวียนเป็นคนที่ช่วยเขาไว้?
“เสวียนเอ๋อร์!”
ความตื่นเต้นที่มากเกินไป ทำให้เสียงของเย่จิ่งอวี้สั่นเล็กน้อย
อินชิงเสวียนหันหน้ามา และมองเขาด้วยความประหลาดใจ
“ทำไมเพคะ?”
คงไม่ใช่เพราะว่าตัวเองกำลังจะไป เขาจึงร้องไห้หรอกนะ
เย่จิ่งอวี้รีบถามขึ้นว่า “เจ้ายังมีความทรงจำตอนเด็กอยู่หรือไม่?”
เมื่อเห็นดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความสุข อินชิงเสวียนก็งุนงงเล็กน้อย
“ความทรงจำอะไรเพคะ?”
“วัดร้าง หรือว่าเด็กผู้ชายแปลกหน้า?”
“เหมือนจะมีอยู่บ้างเพคะ แต่ไม่มากนัก ตั้งแต่ข้าให้กำเนิดจ้าวเอ๋อร์ ความทรงจำของข้าก็แย่ลงมาก”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ยังอัพไม่จบเลย หลายเรื่องเลย อัพมาครึ่งทางแล้วทำไมหยุดอัพดื้อๆค่ะ...
จะอัพเมื่อไหร่คะ...
มาต่อเร็วๆนะแอด...
หยุดอีกแล้ว...
กระหม่อม หม่อมฉัน สลับมั่วไปหมด...
มาอ่านต่อกันเร็วๆ แอดกลับมาอัพต่อแล้ว ขอบคุณค่ะ...
สนุกมาก น่าติดตามมาก เขียนและแปลได้ดีจริงๆ ดีใจที่กลับมาลงต่อ อัพเดตเรื่อยๆ วันละหลายๆ ตอน นะคะ...
หยุดชะงักลงตรงบทนี้ ต่อหรือพอเพียงแค่นี้😁...
หยุดแค่นี้หรือไปต่อ😁...
อัพต่อรออยู่ค่ะ...