อินชิงเสวียนชะงักฝีเท้าลง นางไม่ค่อยเข้าใจมิติการรักษา และไม่รู้ว่าเขามีวิธีในการอัพเกรดอย่างไร แต่ว่า นางอยากถามเพื่อให้แน่ใจความคิดของเย่จิ่งหลาน
“ท่านอ๋องคงไม่ทำเรื่องที่กบฏต่อต้าโจวใช่หรือไม่?”
เย่จิ่งหลานแบมือออกอย่างทำอะไรไม่ได้
“ท่านคิดว่าร่างกายเล็กจ้อยร่อยของข้าจะทำอะไรได้? ข้าก็แค่อยากออกไปหาที่อยู่ และตรวจรักษาอาการให้ผู้อื่น หากเขอโรคที่มีความยากและซับซ้อน ไม่แน่ว่าอาจสะสมประสบการณ์เพิ่มได้ ก็แค่นี้เอง”
ฟังน้ำเสียงที่ไร้เดียงสาและผ่อนคลายของเขา อินชิงเสวียนก็ไม่เห็นความคิดอื่นใดในสายตาเขาอีกแล้ว
ระหว่างบทสนทนา ทั้งสองก็มาถึงสำนักหมอหลวงแล้ว
หมอหลวงเหลียงไม่ได้ปิดตานอนมาตลอดคืน และเขายังถือเข็มทองไว้ในมือ เพื่อหาใิธีที่อาจใช้รักษาเย่จั้นได้
เมื่อเห็นดวงตาสองข้างที่แดงก่ำของหมอหลวงเหลียง อินชิงเสวียนก็อดสงสารไม่ได้
“หมอหลวงเหลียงพักสักครู่ก่อนเถอะ ให้ฝูอี้อ๋องตรวจดูจิ้งอ๋องดีกว่า”
หมอหลวงเหลียงรีบลุกขึ้นทำความเคารพทั้งสองคน สายตาของเขาเผยความยินดีปรีดาออกมา
วันนั้นจอมพลเฒ่ากวนบาดเจ็บสาหัส และเขาก็ไร้ซึ่งหนทางในการรักษา แต่กลับถูกท่านอ๋องน้อยเป็นผู้ช่วยชีวิตเอาไว้ ตอนนี้เขามาถึงแล้ว ไม่แน่ว่าจิ้งอ๋องอาจมีหวังแล้วจริงๆ
เขารีบโค้งหัวลงและพูดว่า “กระหม่อมขออยู่รับใช้ที่นี่ เพื่อเป็นผู้ช่วยของฝูอี้อ๋อง”
เย่จิ่งหลานพูดอย่างไม่เกรงใจว่า “ไม่เป็นไร หวงกุ้ยเฟยอยู่ที่นี่ก็เพียงพอแล้ว”
“คือว่า...”
หมอหลวงเหลียงยังไม่อยากไป เขาประหลาดใจในวิธีการรักษาของเย่จิ่งหลานมาโดยตลอด
อินชิงเสวียนพูดด้วยความอ่อนโยนว่า “หมอหลวงเหลียงก็เหนื่อยมาทั้งคืนแล้ว ตอนนี้ไปพักผ่อนเสียก่อนจะดีกว่า ไม่แน่ว่าอีกประเดี๋ยวอาจต้องการให้หมอหลวงช่วยสิ่งใดอีก อย่าได้เสียเวลาในการฟื้นฟูร่างกายเลย”
หมอหลวงเหลียงทั้งง่วงและเหนื่อยจริงๆ จึงโค้งคำนับและทูลลา
อินชิงเสวียนปิดประตู และพูดกับเย่จิ่งหลานว่า “ลงมือได้เลย”
เย่จิ่งหลานพยักหน้า ใบหน้าเล็กๆ จริงจังขึ้นมาในทันที
เขาโบกมือเพื่อเปิดห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ นำเย่จั้นขึ้นเตียงผ่าตัด จากนั้นก็หยิบอุปกรณ์ต่างๆ ออกมา และทำการตรวจให้เขาตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า
จากนั้นครึ่งชั่วโมง เย่จิ่งอวี้ก็ขมวดคิ้วแน่น
“น่าแปลก”
“ทำไมหรือ?”
เย่จิ่งหลานส่ายหน้า
“อวัยวะทั่วร่างกายของเขาปกติดีทุกอย่าง ค่าเลือดและการทำงานทุกอย่างล้วนปกติดี เหตุใดจึงหมดสติได้?”
เมื่อเห็นว่าเขาตรวจไม่พบโรค อินชิงเสวียนก็อดร้อนใจไม่ได้
“หมอหลวงเหลียงบอกว่าหัวใจของเย่จั้นได้นับความเสียหาย หัวใจของเขาก็ไม่มีปัญหาใช่ไหม?”
เย่จิ่งหลานพูดอย่างเด็ดขาดว่า “ไม่มี โครงสร้างหัวใจของเขาดีมาก และไม่มีโรคที่เกิดจากสารอินทรีย์ใดเลย”
อินชิงเสวียนเก็บผลการตรวจที่หล่นพื้นขึ้นมาดู เมื่อลองตรวจดูทีละอย่าง ก็พบว่าค่าดัชนีทุกอย่างของเย่จั้นต่างเป็นปกติดีมาก แต่ตอนนี้เขายังคงไม่ได้สติ จึงรู้สึกว่ามันน่าเหลือเชื่อเกินไป
หากเทียกับแพทย์แผนจีนแล้ว อินชิงเสวียนเชื่อมั่นการรักษาที่มีอุปกรณ์ครบครันของเย่จิ่งหลานมากกว่า
ในระหว่างที่ครุ่นคิด จู่ๆ เย่จิ่งหลานก็ร้องขึ้นมาด้วยความตกใจ
อินชิงเสวียนรีบมองเขาทันที เย่จิ่งหลานได้ขยายภาพของอุปกรณ์ให้ใหญ่ขึ้นหลายเท่า และเห็นสิ่งที่โปร่งใสในหัวใจของเย่จั้น ดูเหมือนเป็นสิ่งที่มีชีวิต และยังคงขยับตัวอยู่ช้าๆ
“นี่คืออะไร? เป็นอวัยวะงั้นหรือ?”
“ไม่ใช่ น่าจะเป็นสิ่งแปลกปลอม”
เมื่อได้ยินอินชิงเสวียนบอกว่าเย่จั้นบาดเจ็บที่หัวใจ เย่จิ่งหลานจึงทำการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจให้เย่จั้นอีกครั้ง จู่ๆ ก็พบสิ่งนี้เข้าในทันที
หากเขาไม่สังเกตดูเป็นอย่างดี คงเป็นเรื่องยากที่จะมองเห็นด้วยตาเปล่า
“สิ่งแปลกปลอมงั้นหรือ? หรือว่าสิ่งที่ทำร้ายเย่จั้นก็คือสิ่งนี้?”
เย่จิ่งหลานไม่ตอบ เขามองดูครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “แม้จะไม่ใช่ แต่เกี่ยวกับมันแน่นอน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ยังอัพไม่จบเลย หลายเรื่องเลย อัพมาครึ่งทางแล้วทำไมหยุดอัพดื้อๆค่ะ...
จะอัพเมื่อไหร่คะ...
มาต่อเร็วๆนะแอด...
หยุดอีกแล้ว...
กระหม่อม หม่อมฉัน สลับมั่วไปหมด...
มาอ่านต่อกันเร็วๆ แอดกลับมาอัพต่อแล้ว ขอบคุณค่ะ...
สนุกมาก น่าติดตามมาก เขียนและแปลได้ดีจริงๆ ดีใจที่กลับมาลงต่อ อัพเดตเรื่อยๆ วันละหลายๆ ตอน นะคะ...
หยุดชะงักลงตรงบทนี้ ต่อหรือพอเพียงแค่นี้😁...
หยุดแค่นี้หรือไปต่อ😁...
อัพต่อรออยู่ค่ะ...