ฟางรั่วตัวสั่นไปทั้งร่าง
กล่าวด้วยสีหน้าหวาดผวาว่า “ราชครูโปรดไว้ชีวิตด้วย”
ให้ตายนางก็นึกไม่ถึงว่า ตัวเองอุตส่าห์ปลอมตัวมาตลอดทาง แต่ตัวตนกลับถูกเปิดเผยก่อนที่จะได้พบกับอาซือหลานด้วยซ้ำ
“นังไพร่ชั้นต่ำ ยังกล้าขอให้ข้าไว้ชีวิตอีก ถ้าท่านอ๋องรู้ว่าเจ้าเป็นคนสวมรอยแทน เจ้ารู้หรือไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
จูอวี้เหยียนตบหน้านางอีกฉาดหนึ่ง จนมีเลือดไหลออกมาจากมุมปากของฟางรั่ว
เมื่อนึกถึงวิธีการอันโหดเหี้ยมของอาซือหลานแล้ว ฟางรั่วก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่น
ไม่รู้ว่าผีร้ายอะไรมาดลใจนางจริงๆ ทำไมถึงได้โดนอินชิงเสวียนหลอกได้ ท่านอ๋องเชี่ยวชาญในวิชาแปลงโฉม เป็นไปไม่ได้ที่จะมองไม่ออก นางถึงขั้นเพ้อฝันอยากจะค้างคืนกับเขาจริงๆ...
เมื่อคิดถึงผลที่ตามมา ฟางรั่วก็หน้าถอดสีทันที
“บ่าวไม่ได้ตั้งใจเจ้าค่ะ ทั้งหมดต้องโทษอินชิงเสวียนที่เจ้าเล่ห์เกินไป นางควบคุมตัวบ่าวไว้ แย่งหน้ากากของบ่าวไป แล้วใส่หน้ากากนี้ไว้บนใบหน้าของบ่าว บาวยังถูกจี้สกัดจุดมาตลอดทาง ไม่มีโอกาสที่จะอธิบายความจริงให้หระจ่าง”
ฟางรั่วคลานขึ้นมาโขกศีรษะซ้ำแล้วซ้ำเล่า ร่างกายของนางสั่นสะท้านราวกับเรือลำเล็กในทะเลใหญ่
จูอวี้เหยียนเหลือบมองนางอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า “เจ้าเป็นหน่วยกล้าตายที่ได้รับการฝึกฝนจากท่านอ๋อง ข้าจะไม่จัดการลงโทษเจ้า แต่ก็ไม่ปล่อยเจ้าไป ทุกอย่างจะถูกตัดสินเมื่อท่านอ๋องกลับมา”
นางอ้าปากหมายจะเรียกหาคน แต่ทันใดนั้นนางก็นึกเรื่องบางอย่างได้
จึงพูดกับสาวใช้ที่ประตูว่า “ไปเชิญราชบุตรเขยมา บอกเขาว่าข้าจะขอตรวจชีพจรให้เขา”
“เจ้าค่ะ”
หลังจากนั้นไม่นาน เสียงของสาวใช้ก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“ท่านราชครู ท่านราชบุตรเขยมาถึงแล้วเจ้าค่ะ”
จูอวี้เหยียนใส่หน้ากากหน้าอินชิงเสวียนกลับบนใบหน้าของฟางรั่วอีกหน
“ให้ท่านราชบุตรเขยเข้ามา”
ม่านถูกเปิดออก และมีบุรุษร่างสูงหล่อเดินเข้ามาจากประตู
ผู้มาเยือนสวมชุดชาวเจียงวู และโค้งคำนับจูอวี้เหยียนด้วยความเคารพ
“อามู่เอ่อร์น้อมคำนับท่านราชครู”
ใบหน้าของจูอวี้เหยียนประดับด้วยรอยยิ้มเย้ายวนพราวเสน่ห์อีกครั้ง
นางลุกขึ้นจากเก้าอี้ตัวยาว แล้วเดินนวยนาดไปหาอินสิงอวิ๋น
ถามเสียงหวานหยาดเยิ้ม “กินยามานานขนาดนี้แล้ว ท่านราชบุตรเขยรู้สึกว่าร่างกายเป็นอย่างไรบ้าง”
อินสิงอวิ๋นดูเหมือนจะกลัวนาง ค่อยๆ ถอยหลังก้าวหนึ่ง ก้มศีรษะลงแล้วพูดว่า “ขอบคุณท่านราชครูที่ดูแลรักษาอามู่เอ่อร์ ตอนนี้ข้าดีขึ้นมากแล้ว กำลังวังชาก็ฟื้นคืนมานานแล้ว”
จูอวี้เหยียนคว้าแขนของอินสิงอวิ๋น บีบกล้ามเนื้อส่วนโค้งแน่นของเขา กระตุกริมฝีปากพูดด้วยรอยยิ้ม “มีเรือนร่างดีจริงๆ ด้วย”
อินสิงอวิ๋นรีบดึงมือของเขาออกอย่างรวดเร็ว นัยน์ตาฉายแววหวาดกลัวเล็กน้อย
จูอวี้เหยียนก็ระเบิดหัวเราะออกมา
“เจ้ากลัวอะไร เจ้าเป็นบุรุษตัวโตเพียงนี้ หรือกลัวว่าข้าจะกินเจ้างั้นรึ”
อินสิงอวิ๋นไม่กล้าพูด เป่าเล่อเอ่อร์บอกเขาว่าราชครูน่ากลัวมาก บอกเขาว่าอย่าแตะต้องตัว
เป่าเล่อเอ่อร์ดีกับเขามาก นางไม่มีทางโกหกเขาอย่างแน่นอน
หลังจากที่จูอวี้เหยียนหัวเราะ นางก็จับมืออินสิงอวิ๋น แล้วพาเขาไปที่เตียง
“สตรีนางนี้ เจ้าพอจะรู้จักหรือไม่”
อินสิงอวิ๋นมองไปยังฟางรั่วที่สวมหน้ากาก ครั้นแล้วก็ส่ายศีรษะอย่างว่างเปล่า
“ไม่รู้จัก”
“ไม่รู้จักจริงหรือ”
จูอวี้เหยียนก้าวถอยหลังพลาด เอนกายอันอรชรแนบกับท่อนอกของอินสิงอวิ๋น ปลายนิ้วคลอเคลียวนเวียนอยู่ที่ปอยผมของเขา ท่าทางยั่วยวนยิ่งนัก
อินสิงอวิ๋นหน้าซีดด้วยความตกใจ รีบช่วยประคองจูอวี้เหยียนให้ตัวตรง และรีบถอยหลังสามก้าว
“ไม่รู้จักจริงๆ องค์หญิงยังรอข้าอยู่ ข้าต้องกลับไปแล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...
คนที่แสดงตัวเป็นพี่ใหญ่ไม่น่าจะเป็นตัวจริงเพราะมีพฤติกรรมลับลมคมในเรื่องต่างๆและทำให้เรื่องต่างๆแย่ลง เหมือนว่าจะหลงรักน้องสาวตัวเองเลยไม่รู้ว่าเป็นน้องแท้ๆหรือเปล่า...
มีคนเล่นตุกติกกับชุดของเด็กแล้วอยู่ในวังต้องระมัดระวังก็รู้อยู่นะคราวนี้ผ่านมาทางคนที่สนิท...
ดีจริงแทนที่จะเสียคะแนนได้คะแนนมาเพิ่มอีก...
ทางด้านกลยุทธ์น่าจะได้แต่ทางด้านวรยุทธหรือพละกำลังน่าจะไม่ไหวดังนั้นต้องพิสูจน์ตัวเอง...
อายุยังไม่ทันถึง 6 เดือนเลยละมั้งทำไมพูดคุยได้แล้วเก่งจริง...
โกหกครั้งหนึ่งก็ต้องโกหกต่อๆไป...
ความแตกแล้วมั้งเนี่ย...
เกือบไปแล้ว...