สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 435

ในเวลานี้ อา‍ซือ‍หลานพร้อมด้วยสาวใช้ทั้งสี่คนได้เดินทางมุ่งหน้าไปยังภูเขา

ด่านถงกู่ได้รับการพิทักษ์ปกป้องโดยต้าโจวมาโดยตลอด หากพวกเขาต้องการกลับไปที่เจียงวู ก็มีแต้ต้องปีนข้ามเขาเท่านั้น

หลังจากพักผ่อนไม่กี่วัน ความแข็งแกร่งทางร่างกายของอา‍ซือ‍หลานฟื้นตัวพอสมควรแล้ว สีหน้าดูสดใสขึ้นมาก

เขาขึ้นภูเขาด้วยฝีเท้าว่องไวดุจบินได้ ราวกับเดินบนพื้นราบ สาวใช้ทั้งสี่เดินตามหลังเขาไปติดๆ ทุกคนหายใจหอบ เหงื่อไหลไคลย้อย

เมื่อขึ้นไปถึงยอดเขา อา‍ซือ‍หลานก็หยุดฝีเท้าลง เอามือไพล่หลัง แล้วทอดสายตามองด่านถงกู่ไกลๆ

นี่เป็นปราการธรรมชาติด่านสุดท้ายของต้าโจว หากสามารถผ่านด่านถงกู่ได้ ก็สามารถโรมรุกบุกตะลุยตรงเข้าไปยึดเมืองหลวงได้

เขาเล่นกับต้าโจวมานานแล้ว และถึงเวลาที่จะต้องกลับไปต่อสู้กับพวกที่ดีแต่ดื่มสุราไม่ได้ประโยชน์เหล่านี้อย่างจริงจังแล้ว

เมื่อคิดว่าเวลานี้อินชิงเสวียนน่าจะมาถึงเจียงวูแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะมีความสุข

บัดนี้เย่จั้นได้ตายแล้ว ทั้งอินชิงเสวียนและอินสิงอวิ๋นก็อยู่ในมือของเขา แม้ว่าอินจ้งจะกลับมา แล้วจะทำอะไรได้เล่า

แม้เสือร้ายก็ไม่กินลูกของมัน ดังนั้นเขาจึงไม่เชื่อว่าอินจ้งจะลงมือกระทำสิ่งใดโดยไม่คำนึงถึงชีวิตของลูกชายและลูกสาวของเขาแน่นอน

ไม่ว่าจะต่อสู้ในศึกครั้งนี้อย่างไร เขาก็ชนะได้อย่างแน่นอน

ครั้นนึกถึงตรงนี้ อา‍ซือ‍หลานก็อดไม่ได้ที่จะยกมุมปากขึ้น เผยรอยยิ้มที่ชั่วร้าย

สาวใช้รีบส่งน้ำและเนื้อหมักเครื่องเทศให้เขา

“ท่านอ๋อง พักผ่อนสักครู่ดีหรือไม่”

“ก็ดี”

อาซือหลานยกเสื้อคลุมขึ้น แล้วนั่งลงบนก้อนหินก้อนใหญ่ นิ้วเรียวยามของเขาหยิบเนื้อหั่นบางๆ ขึ้น แล้วกินด้วยกิริยาสง่างาม

ลมภูเขาที่พัดเบาๆ นำมาซึ่งความเย็นสบาย พัดเสื้อคลุมของอาซือหลานให้พลิ้วไหวเบาๆ

เขาชำเลืองมองไปยังภูเขาเบื้องล่างด้วยความเพลิดเพลิน

เขาชอบปีนเขาลูกนี้มาตั้งแต่ยังเด็กแล้ว ทุกครั้งที่เขายืนอยู่บนยอดเขา ทอดสายตามองไปไกลๆ เขาจะมีความสุขที่ได้เห็นภูเขาทั้งหมดเพียงการกวาดมองแวบเดียว

ในเวลานั้นเขาคิดว่า ไม่ช้าก็เร็วทุกสิ่งที่เขามองเห็นก็จะอยู่ในมือของเขา

มีเพียงวิธีนี้เท่านั้น ตัวเองถึงจะไม่ถูกรังแก

เมื่อคิดถึงสถานการณ์ที่น่าสังเวชในวัยเด็ก ดวงตาของอาซือหลานก็ฉายแววดุร้าย

เจียงวูปฏิบัติต่อโอรสที่เกิดจากสนมเช่นนี้มาตั้งแต่สมัยโบราณ ผู้ที่เหมาะสมก็จะอยู่รอด และผู้ที่ไม่เหมาะสมก็จะถูกกำจัด มีเพียงโอรสสายตรงเท่านั้นถึงจะสามารถได้รับการศึกษาอย่างชาวต้าโจว ได้เรียนรู้การขี่ม้าและการยิงธนู

แม้ว่าพวกเขาจะมีสายเลือดของราชวงศ์ แต่ก็มีชีวิตไม่ต่างจากสัตว์ และถึงขั้นต้องแก่งแย่งแข่งขันกับสุกรและสุนัขเพื่อหาอาหารอีกด้วย

เมื่อนึกถึงพี่น้องนับไม่ถ้วนที่ตายด้วยดาบของตัวเอง อาซือหลานก็คลี่ยิ้มจางๆ พวกเขาควรขอบคุณตัวเองที่ช่วยพวกเขาให้หลุดพ้นไปโดยเร็ว

ตอนนี้ราชาองค์เก่าสิ้นพระชนม์แล้ว ราชาองค์ใหม่อูเอินเป็นเพียงหุ่นเชิดที่ทำตามความต้องการของตัวเอง และยังมีเป่าเล่อเอ่อร์น้องสาวของอูเอินอีกคน ทันใดนั้นอา‍ซือ‍หลานก็มีความคาดหวังบางอย่าง หากวันหนึ่งอินสิงอวิ๋นจดจำทุกอย่างได้ เขาจะตัดสินใจเลือกทางใด

ไม่ว่าเขาจะเลือกอะไร ก็จะเป็นความเจ็บปวดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเขา ซึ่งนี่ก็คือผลกรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับตระกูลอินที่เข่นฆ่าสังหารทหารหาญของพวกเขา

อา‍ซือ‍หลานจิบสุรา หยิบเนื้อวัวอีกชิ้นเข้าปาก แล้วเคี้ยวช้าๆ

เมื่อคิดถึงจูอวี้เหยียน อาซือหลานก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย

สตรีคนนี้ไม่มีที่มา ทั้งยังมีกลอุบายมากมาย ท่าทางไม่น่าเชื่อถือ แต่กู่ชีวิตของนางนั้นกลับเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุด บัดนี้ทั้งสองคนมีผลประโยชน์ที่พัวพันกันอยู่ เวลานี้จึงยังไม่สามารถแตะต้องนางได้

เขายังคงต้องใช้กู่ของนางเพื่อจัดการกับอินจ้ง ตราบใดที่ได้ครอบครองด่านถงกู่ เขาก็สามารถส่งนางไปปรภพได้

เมื่อมองดูสาวใช้คนที่สี่ที่ก้มหน้าก้มตาอยู่ข้างหลัง อาซือหลานก็ยิ้มเยาะ คนที่นางฝึกฝนมา ก็ไม่น่าไว้วางใจพอๆ กัน

หลังจากกลืนเนื้อชิ้นที่สามเข้าไปในลำคอ อา‍ซือ‍หลานก็ลุกขึ้นยืน

เขาพูดเรียบๆ “ถึงเวลาลงเขาแล้ว”

“เจ้าค่ะ”

สาวใช้ทั้งสี่รีบเก็บสัมภาระ แล้วติดตามอา‍ซือ‍หลานไป

ในเวลานี้ท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์