สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 439

เมื่อมองดูร่างของลูกชายที่ค่อยๆ พร่าเลือนหายไปจากคลองสายตา อันไท่ผินก็ควบคุมตัวเองไม่ได้และร้องไห้ออกมา

ไม่ว่าวิญญาณที่อยู่ในร่างของเย่จิ่งหลานจะเป็นใคร แต่ร่างกายนี้ก็คือลูกชายของอันไท่ผิน

ลองนึกภาพว่าหากวันหนึ่งตัวเองถูกบังคับให้แยกจากเสี่ยว‍หนาน‍เฟิง อินชิงเสวียนก็คงจะรู้สึกไม่ดีเช่นกัน

นางเดินเข้าไปช้าๆ จับมือของอันไท่ผิน

“อันไท่ผินไม่จำเป็นต้องเสียใจไป ฝูอี้อ๋องเพียงออกจากวัง ไม่ได้ทำความผิดร้ายแรงแต่อย่างใด หากเขาอยากจะกลับมา ก็สามารถกลับมาเยี่ยมท่านได้ตลอดเวลา”

อันไท่ผินสะอื้น เงยหน้าพูดทั้งน้ำตาว่า “หลานเอ๋อร์อายุไม่ถึงสิบขวบด้วยซ้ำ เขาจะดูแลจวนได้อย่างไร หากพวกบ่าวไพร่รังแกเขาจะทำเช่นไร หวงกุ้ยเฟยช่วยขอความเมตตาจากฝ่าบาทได้หรือไม่ แม้ต้องให้เขาอยู่ต่ออีกสองปีก็ยังดี”

อินชิงเสวียนรู้สึกหมดหนทาง ไม่สามารถพูดได้ว่าเป็นลูกชายของท่านที่ขอร้องเช่นนี้เอง จึงได้แต่พยักหน้าพูดว่า “ไท่ผินโปรดวางใจ ข้าจะหาโอกาสพูดคุยเรื่องนี้กับฝ่าบาทเอง”

อันไท่ผินโค้งคำนับแล้วกล่าวว่า “เช่นนั้นต้องขอบใจหวงกุ้ยเหยมากแล้ว”

อินชิงเสวียนรีบช่วยประคองนางลุกขึ้น

แม้ว่าอันไท่ผินจะมีตำแหน่งอยู่ในขั้นผิน แต่ในลำดับขั้นก็นับว่าเป็นผู้อาวุโสของเย่‍จิ่ง‍อวี้ นางจะรับการคำนับจากนางได้อย่างไร

“อันไท่ผินไม่ต้องเกรงใจ เช่นนั้นข้าต้องขอตัวกลับก่อนแล้ว”

อินชิงเสวียนปลอบใจนางอีกหลายคำ แล้วพาเสี่ยว‍หนาน‍เฟิงกลับตำหนัก

เพื่อนร่วมยุคสมัยของนางนี่ก็ใจร้ายจริงๆ ตัวเองมีเจตนาดีจะมาส่งเขา แต่เขาก็ไม่แม้แต่จะพูดอะไร แทบอยากจะวิ่งออกจากวังด้วยซ้ำ

อาจเป็นเพราะอยู่ในวังแล้วเขาไม่สามารถอัพเกรดระบบได้จริงๆ อินชิงเสวียนทำได้เพียงปลอบใจตัวเองด้วยวิธีนี้เท่านั้น

นางกับเย่จิ่งหลานรู้จักกันไม่นาน ความสัมพันธ์เดียวที่นางมีคือความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนร่วมยุคสมัย ตอนนี้เมื่อมีคนรู้จักเพียงคนเดียวออกจากวังแล้ว อินชิงเสวียนรู้สึกว่าจิตใจว่างเปล่า

เมื่อมาถึงประตูตำหนักจินหวู แต่กลับไม่ได้คิดจะเข้าไป

จากนั้นพูดกับอวิ๋นฉ่ายว่า “วันนี้อากาศดี ไปเดินเล่นที่สวนอวิ๋นเซียงกันเถอะ ไม่เห็นเมล็ดพืชเหล่านั้นมานานแล้ว”

อวิ๋นฉ่ายตอบรับเบาๆ แล้วเอื้อมมือไปรับรถเข็นเด็ก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์