สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 452

เมื่อเห็นใบหน้าที่ยิ้มแย้มของอินชิงเสวียน หัวใจของเย่‍จิ่ง‍อวี้ก็เต้นรัว จับมือน้อยที่อบอุ่นอ่อนโยนนั้นไว้

“เจ้าทำเพื่อข้ามากมาย ชั่วชีวิตนี้ ข้าจะไม่มีวันทำให้เจ้าผิดหวัง”

อินชิงเสวียนคลี่ยิ้มบางๆ และพูดว่า “เมื่อฝ่าบาทจะไม่ทำให้หม่อมฉันผิดหวัง หม่อมฉันก็จะไม่ทำให้ฝ่าบาทผิดหวังเช่นกันเพคะ”

เย่‍จิ่ง‍อวี้ยกมือที่ขาวเนียนละเอียดขึ้นมาจรดริมฝีปากของเขา จุมพิตเบาๆ แล้วพูดด้วยสีหน้ารักลึกซึ้ง “เช่นนั้นพวกเราก็ได้สัญญากันแล้ว ร้อยปีก็ไม่เปลี่ยน”

ครั้นมองไปยังดวงตาที่เต็มไปด้วยความหวังคู่นั้น อินชิงเสวียนก็หัวเราะคิกคัก

“เหตุใดถึงพูดเหมือนกำลังเล่นพ่อแม่ลูกอยู่เลย รีบกินตอนร้อนเถอะเพคะ เย็นแล้วจะไม่อร่อย”

เย่‍จิ่ง‍อวี้เงยหน้าขึ้น พูดอย่างดื้อรั้น “ เจ้าต้องรับปากกับข้าก่อน”

อินชิงเสวียนพูดอย่างช่วยไม่ได้ “เพคะ หม่อมฉันรับปาก ร้อยปีก็ไม่เปลี่ยน เท่านี้คงพอใจแล้วกระมัง”

เย่‍จิ่ง‍อวี้หยิบตะเกียบขึ้นมาอย่างมีความสุข พอกินได้สองคำ แล้วก็เอ่ยขึ้นว่า “ข้าได้บอกจอมพลเฒ่ากวนเกี่ยวกับโรงเรียนสอนการต่อสู้แล้ว เขาเห็นด้วยกับความคิดของเสวียน‍เอ๋อร์มาก สองวันนี้เลือกสถานที่ในเมืองหลวงได้แล้ว เมื่อก่อสร้างโรงเรียนเสร็จสิ้น ก็สามารถรับสมัครนักเรียนผู้ฝึกฝนวิทยายุทธ์จากทั่วแผ่นดินได้”

อินชิงเสวียนพูดอย่างเบิกบานใจ “หากสามารถสร้างโรงเรียนสอนการต่อสู้ได้สำเร็จ ก็จะสามารถคัดเลือกผู้มีพรสวรรค์ที่ใช้การได้จากในนั้น”

เย่‍จิ่ง‍อวี้พยักหน้าพร้อมกับกล่าวว่า “ข้าก็เห็นดีในเรื่องนี้เช่นกัน ต่อมาก็เป็นตำราเหล่านั้นของเสวียน‍เอ๋อร์ ตอนที่อ่านครั้งแรกก็รู้สึกว่าเป็นเนื้อหาที่เรียบง่ายมาก แต่ยิ่งอ่านมากเท่าไหร่ก็ยิ่งมีความรู้ลึกซึ้งมากขึ้นเท่านั้น หรือว่ากลวิธีการผลิตดินปืนของเสวียนเอ๋อร์ ก็ได้ความรู้มาจากตำราเหล่านั้น”

อินชิงเสวียนพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ใช่แล้วเพคะ ถ้านักเรียนทุกคนในใต้หล้าสามารถศึกษาตำราเหล่านี้ได้อย่างละเอียด ก็จะเป็นประโยชน์ต่อกระบวนการสร้างบ้านแปงเมืองเป็นอย่างยิ่ง โอ้ จริงสิ การทำกระดาษของไต้เท้าฉินเป็นอย่างไรบ้าง”

“ประมาณมะรืนนี้คงทำได้พอสมควรแล้ว ถึงเวลานั้นข้าจะสั่งให้คนคัดลอกตำราเหล่านี้ทั้งหมด แล้วส่งไปยังหัวเมืองและมณฑลต่างๆ เพื่อให้พวกเขาได้ให้ศึกษา เพียงแต่...”

เย่‍จิ่ง‍อวี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย

อินชิงเสวียนถามทันที “อะไรหรือเพคะ”

“มีบางส่วนที่แม้แต่ข้าก็ไม่เข้าใจ แล้วนักเรียนเหล่านี้จะศึกษาด้วยตัวเองได้จริงหรือ”

ส่วนนี้ก็เป็นปัญหาจริงๆ คนยุคนี้ไม่เคยได้สัมผัสกับวิชาฟิสิกส์และเคมีมาก่อน คณิตศาสตร์ก็รู้เพียงการบวก ลบ คูณ และหารเท่านัน้ พวกเขาไม่มีความรู้เรื่องสมการกำลังสองและโจทย์ปัญหาเชิงลึกบางส่วนด้วยซ้ำ

นางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “หม่อมฉันได้ยินมาว่าต้าโจวเรามีสำนักศึกษาหลวงอยู่ หม่อมฉันสามารถถ่ายทอดความรู้นี้แก่ขุนนางในสำนักศึกษาหลวง จากนั้นให้พวกเขาจะเขียนฉบับคำแปล และเผยแพร่ไปยังเมืองต่างๆ วิธีนี้จะทำให้เข้าใจง่ายขึ้น”

“วิธีนี้ดี แต่ต้องใช้ความพยายามมาก ข้าไม่อยากให้เสวียน‍เอ๋อร์เหนื่อยเกินไป”

การสอนหนังสือไม่ใช่สิ่งที่สามารถทำให้สำเร็จได้ภายในวันหรือสองวัน เย่‍จิ่ง‍อวี้จะทนปล่อยให้อินชิงเสวียนทำงานหนักเพื่อเขาได้อย่างไร

อินชิงเสวียนยักไหล่และพูดว่า “วันๆ อยู่แต่ในวังน่าเบื่อจะตายเพคะ หม่อมฉันเต็มใจทำงานเพื่อพระองค์ ถึงเวลานั้นหม่อมฉันค่อยสวมชุดบุรุษไปสอน ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องเปิดเผยตัวตนของหน่อมฉัน”

นางไม่อยากกลายเป็นหญิงที่ถูกสามีทิ้งให้คร่ำครวญในวังลึก มีอะไรให้ทำนับเป็นเรื่องดีที่สุดแล้ว ยังสามารถใช้โอกาสนี้ออกจากวังไปตรวจดูร้านข้าวของตัวเองและไปเยี่ยมเยียนเพื่อนจากยุคสมัยเดียวกันได้ด้วย

เมื่อเห็นท่าทางที่มั่นใจของอินชิงเสวียน เย่‍จิ่ง‍อวี้ก็เริ่มลังเลใจ

อินชิงเสวียนคว้าแขนของเขาแล้วพูดอย่างออดอ้อน “ฝ่าบาท พระองค์เชื่อหม่อมฉันนะเพคะ หม่อมฉันอยากทำอะไรเพื่อต้าโจวบ้าง”

หาได้ยากที่อินชิงเสวียนจะแสดงด้านที่เป็นสาวน้อยเช่นนี้ หัวใจของเย่‍จิ่ง‍อวี้อ่อนยวบลงทันที

“ถ้าเช่นนั้นก็ใช้เวลาวันละหนึ่งชั่วยาม นี่เป็นเส้นตายของข้าแล้ว”

อินชิงเสวียนแสดงท่าทางยินดีทันที เพียงได้ออกจากวังก็พอ ส่วนจะกลับมาเมื่อใดนั้น นางก็เป็นคนกำหนดอยู่ดี

เมื่อเห็นสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสของสาวน้อย เย่‍จิ่ง‍อวี้ก็โคลงศีรษะอย่างอ่อนใจ

“ข้าจะให้ฉินเทียน หลี่ชี พร้อมด้วยองครักษ์เงาอีกสี่คนตามไปอารักขาเจ้า หากบัณฑิตเฒ่าเหล่านั้นกล้าทำให้เจ้าลำบากใจ เจ้าก็มาบอกข้า แล้วข้าจะจัดการพวกเขาให้เจ้าเอง”

อินชิงเสวียนยืนขึ้นยอบกายถวายความเคารพเขา

“ขอบพระทัยฝ่าบาท รีบเสวยเร็วเพคะ ประเดี๋ยวจะเย็นชืดเสียก่อน”

เย่‍จิ่ง‍อวี้หัวเราะเบาๆ “ไม่ว่าอาหารจะรสเลิศเพียงใด ก็ไม่น่ากลืนกินเท่าเสวียนเอ๋อร์ของข้า”

“หากฝ่าบาทไม่อยากเสวย หม่อมฉันจะให้คนมาเก็บไปนะเพคะ”

อินชิงเสวียนทำท่าเหมือนจะยกออกไป แต่เย่‍จิ่ง‍อวี้ก็รีบขยับตะเกียบคีบอาหาร

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์