“แล้วพบกันใหม่”
อินชิงเสวียนประกบมือคารวะ มองส่งต่งจื่ออวี๋จนสุดสายตา
“คราวนี้ดูเหมือนเขาจะรีบร้อน หรือว่าเกิดเรื่องขึ้นกับสำนักของเขา”
เย่จิ่งอวี้รวบเอวนางเข้ามากอด
“ชาวยุทธ์ย่อมมีกฎยุทธภพ เสวียนเอ๋อร์จึงไม่ต้องเป็นห่วง”
อินชิงเสวียนยักไหล่
“หม่อมฉันเพียงแค่รู้สึกแปลกใจ เช่นเดียวกับลิ่นเซียว ที่จู่ๆ ก็หายตัวไปอย่างกะทันหัน”
หลังจากที่อินชิงเสวียนพูดจบ นางก็ถามว่า “โอ้ จริงสิ มีข่าวจากหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์บ้างหรือไม่”
เย่จิ่งอวี้กล่าวว่า “ยังไม่มรีชชี สำนักที่ถือสันโดษเหล่านี้หาที่อยู่ไม่ได้ง่ายเพียงนั้น”
ครั้นแล้วอินชิงเสวียนก็นึกถึงคำพูดของต่งจื่ออวี๋ทันที
จากนั้นก็พูดว่า “หม่อมฉันได้ยินจากต่งจื่ออวี๋พูดว่า สำนักกระบี่สังหารของพวกเขากำลังตามหาคนที่แย่งพิณไป เพื่อทวงคืนกระพรวนทอง หากตามหาสำนักกระบี่สังหารพบ แล้วค่อยตามหาหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ก็คงไม่ยากแล้ว”
เมื่อได้ยินดังนี้เรียวตาหงส์ของเย่จิ่งอวี้ก็เป็นประกาย
“เสวียนเอ๋อร์พูดถูก เนื่องจากสำนักกระบี่สังหารตั้งอยู่ในภูเขาหิมะ จึงหาได้ไม่ยาก ข้าจะส่งคนไปหาสำนักกระบี่สังหารเดี๋ยวนี้ แล้วสอบถามที่อยู่ของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์จากสำนักกระบี่สังหารอีกที”
อินชิงเสวียนยิ้มเล็กน้อย
“ดีเพคะ”
หลังจากที่เย่จิ่งอวี้จากไป นางก็กลับไปที่ตำหนักจินหวู
ขณะมองดูแสงเทียนที่ริบหรี่ อินชิงเสวียนก็นึกถึงอินจ้งขึ้นมา
พริบตาเดียวผ่านไปสามสี่วันแล้ว ไม่รู้ว่าม้าด่วนแปดร้อยลี้จะเดินทางไปถึงที่ใดแล้ว
หวังว่าอินจ้งจะได้รับข่าวโดยเร็ว เพิ่มการระมัดระวัง จะได้ไม่ตกหลุมพรางของอาซือหลาน...
ในขณะที่อินชิงเสวียนกำลังคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ อินสิงอวิ๋นซึ่งกำลังนอนหลับอยู่ในห้องดูเหมือนจะได้รับคำสั่งบางอย่าง เขาผุดลุกขึ้นนั่งราวกับภูติผีอีกครั้ง
ปิ่นไม้บนศีรษะยังคงสั่นไม่หยุด ดวงตาทื่อๆ ของอินสิงอวิ๋นก็แสดงเจตนาฆ่า
เขารีบไปที่ประตู แล้วตรงไปที่ห้องของอินจ้ง ทันใดนั้นก็มาถึงหน้าเตียงแล้ว
เขาดึงมีดสั้นออกมาทันที และแทงไปยังอินจ้งที่กำลังหลับสนิท
มีเสียงกรีดร้อง ครั้นแล้วกลุ่มเลือดก็ย้อมม่านเป็นสีแดงฉาน
อินปู้อวี่ได้ยินเสียงร้อง จึงรีบวิ่งเข้าไปในจวนแม่ทัพทันที เมื่อเขาเห็นเลือดบนเตียงของอินจ้ง เขาก็อดไม่ได้ที่จะตะเบ็งง็งด้วยความโกรธ
“อินสิงอวิ๋น เจ้าเดรัจฉาน”
ด้วยความโกรธ เขาซัดฝ่ามือใส่อินสิงอวิ๋น ทันใดนั้นอินสิงอวิ๋นก็ตัวแข็งทื่อ และอินปู้อวี่ซัดฝ่ามือใส่จนกระเด็นไปไกล เขาอาเจียนเป็นเลือดและล้มลงกับพื้นทันที
ในเวลานี้ กวนเซี่ยวและทหารที่เฝ้าเวรดึกก็รีบเข้ามาเช่นกัน
“สหายอิน เกิดอะไรขึ้น”
อินปู้อวี่กอดร่างของอินจ้ง น้ำตาไหลปานสายฝน
“อินสิงอวิ๋นเขา...ฆ่าพ่อข้า ทหาร จับตัวเขาไว้”
กวนเซี่ยวตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง
“สหายอิน...”
อินปู้อวี่ตะโกนด้วยดวงตาแดงก่ำ “อย่าเพิ่งพูดอะไรมาก จับเขาไว้”
ทหารรีบดึงตึวของอินสิงอวิ๋นที่หมดสติออกไปทันที
กวนเซี่ยวเดินไปที่เตียงอย่างรวดเร็ว เขามองเห็นคราบเลือดทั่วเตียงอย่างตะลึงตะลาน ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรอยู่พักหนึ่ง
ขณะที่เขากำลังจะพูดปลอบอินสิงอวิ๋น ก็เห็นม้วนไม้ไผ่วางอยู่ข้างหมอน เขาหยิบขึ้นมาอ่าน แล้วรีบส่งให้อินปู้อวี่ทันที
“สหายอิน นี่คือลายมือของแม่ทัพอิน”
อินปู้อวี่รับมาทั้งน้ำตา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...
คนที่แสดงตัวเป็นพี่ใหญ่ไม่น่าจะเป็นตัวจริงเพราะมีพฤติกรรมลับลมคมในเรื่องต่างๆและทำให้เรื่องต่างๆแย่ลง เหมือนว่าจะหลงรักน้องสาวตัวเองเลยไม่รู้ว่าเป็นน้องแท้ๆหรือเปล่า...
มีคนเล่นตุกติกกับชุดของเด็กแล้วอยู่ในวังต้องระมัดระวังก็รู้อยู่นะคราวนี้ผ่านมาทางคนที่สนิท...
ดีจริงแทนที่จะเสียคะแนนได้คะแนนมาเพิ่มอีก...
ทางด้านกลยุทธ์น่าจะได้แต่ทางด้านวรยุทธหรือพละกำลังน่าจะไม่ไหวดังนั้นต้องพิสูจน์ตัวเอง...
อายุยังไม่ทันถึง 6 เดือนเลยละมั้งทำไมพูดคุยได้แล้วเก่งจริง...
โกหกครั้งหนึ่งก็ต้องโกหกต่อๆไป...
ความแตกแล้วมั้งเนี่ย...
เกือบไปแล้ว...