สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 486

เย่จิ่งอวี้ก็ไม่แน่ใจว่าตัวเองหลงกลใครแล้วจริงๆ หรือไม่ จึงไม่อยากพูดออกมาสุ่มสี่สุ่มห้า และทำให้อินชิงเสวียนต้องเป็นห่วง

เขาหัวเราะและพูดว่า “ข้าแค่บอกว่าถ้าหาก ไม่ว่าใครก็ต้องทำผิดพลาดบ้าง หากข้าพูดจาเกินไปจริงๆ เสวียนเอ๋อร์อย่าได้ใส่ใจเด็ดขาด”

อินชิงเสวียนเหลือบมองเย่จิ่งอวี้ และตบที่ไหล่ของเขา

พูดอย่างไม่แยแสว่า “วางใจเถอะเพคะ หากฝ่าบาทพูดสิ่งใดผิดไป หม่อมฉันจะยกโทษให้ฝ่าบาทเสมอ”

“เช่นนั้นก็ดี”

เย่จิ่งอวี้วางเสี่ยวหนานเฟิงลงบนรถเข็นเด็ก ยิ้มและพูดว่า “วันนี้ข้าอยากเรียนรู้วิธีการย่างเนื้อบ้าง เสวียนเอ๋อร์อย่าเก็บความสามารถไว้ผู้เดียวสิ”

“เพคะ การได้ลงมือทำเอง จะยิ่งอร่อยมากขึ้น”

อินชิงเสวียนหยิบพัดขึ้นมาอย่างทะมัดทะแมง พับแขนเสื้อและเดินมาด้านหน้าเตาย่าง

นางสอนวิธีการควบคุมไฟให้กับเย่จิ่งอวี้ ในหัวก็คิดเรื่องของอินสิงอวิ๋น

แม้น้ำพุวิญญาณของนางจะมีประสิทธิภาพมาก แต่ไม่สามารถถอนพิษกู่ได้ หากต้องการช่วยเหลืออินสิงอวิ๋น จำเป็นต้องไปตามหาคนขโมยพิณที่สำนักเสียงศักดิ์สิทธิ์

เพียงแต่ต้องไปตามหาทั่วทุกที่ และแม้จะตามหาเขาพบ ก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะยื่นมือเข้ามาช่วยหรือไม่?

ระหว่างที่ใจลอย ก็ได้ยินเสียงดังฟู่ๆ น้ำมันของเนื้อเสียบไม้หยดลงบนถ่านไม้ จึงเกิดไฟลุกไหม้ขึ้นมา

อินชิงเสวียนรีบเอาน้ำมาเทเพื่อดับไฟ จากนั้นก็พลิกเนื้อเสียบไม้บนเตาย่างอย่างคล่องแคล่ว โดยผงพริกและผงยี่หร่า ทันใดนั้นกลิ่นหอมของเนื้อเสียบไม้ก็ลอยออกมา

นางหยิบสองไม้ยื่นให้กับเย่จิ่งอวี้ เย่จิ่งอวี้กำลังยื่นมือออกไปรับ แต่จู่ๆ ก็รู้สึกว้าวุ่นในใจ และวางมือลง

“เป็นอะไรงั้นหรือเพคะ?”

อินชิงเสวียนถาม

เย่จิ่งอวี้พยายามระงับความกลัดกลุ้มในใจ ยิ้มและพูดว่า “จู่ๆ ข้าก็นึกขึ้นได้ว่ายังมีสาส์นกราบทูลที่ยังไม่ได้อ่าน ข้าจะไปห้องหนังสือเดี๋ยวนี้ อีกสักครู่จะกลับมา”

“นี่...”

อินชิงเสวียนหันหน้ามา เย่จิ่งอวี้ก็เดินออกไปจากตำหนักจินหวูแล้ว

เสี่ยวอานจื่อและอวิ๋นฉ่ายที่อยู่อีกด้านก็ทำสีหน้างุนงง

“เหนียงเหนียง ฝ่าบาทเป็นอะไรไปเพคะ?”

อินชิงเสวียนขมวดคิ้วและส่ายหน้า นางก็ไม่รู้ว่าเย่จิ่งอวี้เป็นอะไรไป

“คงจะมีธุระสำคัญจริงๆ ไม่ต้องสนใจหรอก เขาทำงานเสร็จก็คงมา”

เสี่ยวอานจื่อถาม “เช่นนั้นเนื้อที่เหลือ... ยังต้องเสียบอีกไหมพ่ะย่ะค่ะ?”

“เสียบสิ พวกเจ้าก็กินด้วยกันเลย”

เสี่ยวอานจื่อและอวิ๋นฉ่ายดีใจขึ้นมาทันที

การได้อยู่กับเหนียงเหนียงมีเนื้อกินด้วยจริงๆ

ขณะนั้น เย่จิ่งอวี้ก็กลับมาถึงห้องหนังสือแล้ว

หัวใจของเขาสุขุมนุ่มลึกมาโดยตลอด ไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อน เมื่อเห็นแก้วชาที่ว่างเปล่า สายตาของเย่จิ่งอวี้ก็เย็นชาลง

ขณะนั้น หลี่เต๋อฝูก็พูดตะโกนที่ด้านนอก “ฝ่าบาท หญิงงามของเจียงวูมาขอเข้าเฝ้า บอกว่าทำของว่างมาถวายฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”

และในช่วงเวลานั้นเอง จิตใจของเย่จิ่งอวี้ก็สงบลงมาก ถึงขั้นมีความคิดที่อยากพบกับผู้หญิงจากเจียงวู

ความคิดนี้ทำให้หัวใจของเย่จิ่งอวี้เต้นรัว สายตาก็เย็นชามากขึ้น

แต่เพียงแค่ชั่วขณะเท่านั้น สีหน้าของเย่จิ่งอวี้ก็นิ่งเรียบเช่นเดิม

“ให้นางเข้ามา”

“พ่ะย่ะค่ะ”

หลี่เต๋อฝูตอบรับ จากนั้นไม่นานก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นจากด้านนอกตำหนัก เงาอ้อนแอ้นอรชรทั้งสามก็เดินเข้ามา และสวมผ้าคลุมทั้งหมด

ทุกคนโน้มตัวกล่าวอวยพรเย่จิ่งอวี้ ผู้ที่เป็นหัวหน้าพูดขึ้นด้วยเสียงที่หวานหยาดเยิ้ม “นี่คือของว่างจากเจียงวู หม่อมฉันตั้งใจทำมาถวายให้ฝ่าบาทลองชิมดูเพคะ”

นางยกมือขึ้นมา มองดูสีชาดบนเล็บของนาง แสยะยิ้มมุมปากแล้วพูดว่า “เตรียมของ ถึงเวลาที่พวกเราควรไปเยี่ยมอินชิงเสวียนแล้ว”

“เจ้าค่ะ”

ทาสหญิงสองคนออกไปเตรียมของ ผู่ที่สวมผ้าคลุมหน้าอีกคนหนึ่ง ยังคงยืนอยู่ข้างกายจูอวี้เหยียน โดยไม่ขยับไปไหน

จูอวี้เหยียนเลิกตามอง พูดด้วยอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก “เจ้าบอกว่าอินชิงเสวียนทำร้ายเจ้าไม่ใช่หรือ เจ้าต้องเกลียดนางมากกว่าข้าแน่นอน ในเมื่อเข้ามาในวังได้แล้ว ก็ใช้สมองคิดหาทางจัดการกับอินชิงเสวียนเสียสิ”

หญิงสามก้มศีรษะ และก้มหน้าก้มตาพูดว่า “ขอบพระคุณราชครูที่ยื่นมือมาช่วย ฟางรั่วซาบซึ้งใจอย่างมาก และจะตอบแทนท่านแน่นอน”

จูอวี้เหยียนทำเสียงฮึดฮัด “ข้าช่วยเจ้าเพราะว่าพวกเราก็เป็นผู้หญิงเหมือนกัน ข้าจึงรู้สึกสงสารเจ้า การพาเจ้ามาที่เมืองหลวงก็เพราะเจ้าเกลียดอินชิงเสวียน หากไม่ใช่เพราะนาง เจ้าก็คงไม่ถูกลงโทษด้วยการขี่ม้าไม้ จนตอนนี้เจ้าต้องสูญเสียความสามารถในการให้กำเนิดลูก เรื่องเหล่านี้เป็นเพราะอินชิงเสวียนกระทำต่อเจ้า”

เมื่อนึกถึงการลงโทษด้วยม้าไม้ ฟางรั่วก็ตัวสั่นเทา สีหน้าซีดขาว

จูอวี้เหยียนเลิกตามอง และกวาดสายตาไปที่ฟางรั่ว

“เพื่อป้องกันไม่ให้อินชิงเสวียนจำเจ้าได้ วันนี้เจ้าไม่ต้องไป”

“เจ้าค่ะ”

ฟางรั่วเอื้อมมือไปช่วยพยุงจูอวี้เหยียน และมองนางออกไปด้วยความเคารพ

ณ ตำหนักจินหวู

อินชิงเสวียนกินจนอิ่มแล้ว กำลังนอนบนเก้าอี้โยกหน้าประตู นางนอนหรี่ตาตากลมยามค่ำคืน รู้สึกสบายใจเป็นอย่างมาก

ไป๋เสวี่ยหมอบอยู่ที่เท้าของนาง ปุยหางใหญ่แกว่งไปมาเป็นครั้งคราว เสี่ยวหนานเฟิงนั่งอยู่ในรถเข็นเด็ก มือหนึ่งถือขวดนมไว้ มืออีกข้างก็จับหางของไป๋เสวี่ยไม่หยุด เขาเล่นสนุกมากทีเดียว

ตอนนี้ไม่มียุงเหลือแล้ว การได้ตากลมยามค่ำคืน ทำให้รู้สึกสบายอย่างมาก

การตื่นเช้าติดต่อกันหลายวัน อินชิงเสวียนรู้สึกง่วงนอนอย่างมาก นางเอนหลังบนเก้าอี้โยกแล้วหลับไป

ขณะที่นางกำลังหลับลึก ขันทีน้อยคนหนึ่งก็เดินเข้ามาจากหน้าประตู โน้มตัวและพูดว่า “พระนางกุ้ยเฟย แม่นางของเจียงวูมาขอพบพ่ะย่ะค่ะ”

อินชิงเสวียนลืมตาขึ้น และพูดเสียงเรียบว่า “ไม่พบ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์