สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 485

เย่จิ่งอวี้ก็ตกใจเล็กน้อย

พวกผู้หญิงเจียงวูคุกเข่าลงและพูดพร้อมกันว่า “ขอบพระทัยฝ่าบาท”

เย่จิ่งอวี้ขมวดคิ้วแน่น

ตราบใดที่ตัวเองมีสถานะเป็นโอรสแห่งสวรรค์ เขาไม่มีทางกลับคำพูดได้ จึงพูดกับหลี่เต๋อฝูว่า “ไปหาตำหนักให้พวกนางด้วย”

หลี่เต๋อฝูก็มีสีหน้าประหลาดใจ เขาแอบเหลือบมองเย่จิ่งอวี้ และบอกพวกผู้หญิงว่า “ทุกท่าน ตามข้ามา”

หญิงที่เป็นผู้นำพูดว่า “ขอบพระคุณกงกง”

อินจ้งกระแอมเสียงแห้งและพูดว่า “กระหม่อมก็ขอทูลลาพ่ะย่ะค่ะ”

แม้เขารู้สึกไม่สบายใจ แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรมาก

เย่จิ่งอวี้เป็นถึงโอรสสวรรค์ในราชวงศ์นี้ อย่าว่าแต่ทาสหญิงพวกนี้เลยหากเขาต้องการผู้หญิงทุกคนบนโลก ก็ไม่มีใครกล้าพูดมากได้

เย่จิ่งอวี้พยักหน้า แต่กลับอึดอัดในใจ

ตัวเองเป็นอะไรไป หรือว่าเมื่อคืนไม่ได้พักผ่อนเพียงพอ จึงสับสนมึนงงเช่นนี้?

ทันใดนั้นก็นึกถึงพิษกู่ของอินสิงอวิ๋น จึงแอบตกใจเล็กน้อย

หรือว่าคนเหล่านี้มาด้วยเป้าหมายที่ไม่ดี และกล้าทำมิดีมิร้ายในแก้วน้ำชาของตัวเอง?

มิเช่นนั้นตัวเองจะกล้าทำการตัดสินใจแบบนี้ได้อย่างไร?

เพราะคิดว่าเป็นชาของในวัง จึงไม่ได้คิดมาก เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้บางอย่าง เย่จิ่งอวี้ก็ว้าวุ่นใจเล็กน้อย

“พวกเจ้าออกไปก่อน ข้าอยากอยู่เงียบๆ สักหน่อย”

“พ่ะย่ะค่ะ”

ขันทีน้อยหลายคนตอบรับและถอยออกไป พร้อมปิดประตูตำหนักอย่างเรียบร้อย

เย่จิ่งอวี้นั่งขัดสมาธิบนเบาะนุ่ม และรวบรวมสมาธิ เมื่อกำลังภายในไหลเวียนในร่างกายได้ปกติ เขาก็ลืมตาขึ้น

ตัวเองคงคิดมากเกินไป

ทาสหญิงเพียงไม่กี่คน ผ่านไปไม่กี่วันค่อยหาเหตุผลส่งพวกนางออกนอกวัง และส่งองครักษ์คอยจับตามองพวกนาง หากมีความเคลื่อนไหวผิดปกติก็ฆ่าทิ้งเสีย

เมื่อคิดได้เช่นนี้ เย่จิ่งอวี้ก็สบายใจมากขึ้น เพียงแต่ต้องไปอธิบายให้เสวียนเอ๋อร์ฟัง

ในเมื่ออินจ้งสยบความวุ่นวายในเจียงวูได้ ก็สามารถใช้โอกาสนี้ในการแต่งตั้งเสวียนเอ๋อร์เป็นฮองเฮา

เมื่อนึกถึงหญิงสาวที่มีความสามารถสูงส่งและมีจิตใจเมตตา เย่จิ่งอวี้ก็ไม่มีอารมณ์จะอ่านสาส์นกราบทูลได้อีกต่อไป

เขาวางพู่กันลง และพาขันทีหลายคนมาที่ตำหนักจินหวู

อินชิงเสวียนกำลังหยอกล้ออยู่กับเสี่ยวหนานเฟิง เจ้าเด็กอ้วนชอบฟังเสียงเป็ดร้องเป็นพิเศษ ทุกครั้งที่ได้ยินก็จะหัวเราะร่าออกมา

เมื่อเห็นดวงตาสีดำโค้งราวกับพระจันทร์ อินชิงเสวียนแทบใจละลาย

เย่จิ่งอวี้เดินเข้ามาในตำหนัก ทันทีที่เห็นภาพที่อบอุ่น ปากบางของเขาก็ยิ้มขึ้นมา หัวใจของนิ่งสงบลงในทันที

“หม่อมฉันขอถวายบังคมฝ่าบาท”

อวิ๋นฉ่ายเห็นเย่จิ่งอวี้ ก็รีบคุกเข่าลงคำนับ

“ลุกขึ้นเถอะ”

เย่จิ่งอวี้โบกมือ และเดินไปยังด้านหน้ารถเข็นเด็ก ยื่นมือไปอุ้มเสี่ยวหนานเฟิงออกมา

เมื่อเห็นเย่จิ่งอวี้ เสี่ยวหนานเฟิงก็กอดคอของเขาด้วยความดีใจในทันที และตะโกนพูดเสียงเล็กเสียงน้อยว่า “เสด็จพ่อ~”

เย่จิ่งอวี้หอมลงบนใบหน้าเล็กๆ ที่อ้วนท้วนของเขา

“จ้าวเอ๋อร์คิดถึงเสด็จพ่อหรือไม่?”

เสี่ยวหนานเฟิงก็เลียนแบบท่าทางของเขา เบะปากเล็กๆ ที่มีสีชมพูอ่อน หอมลงบนใบหน้าของเย่จิ่งอวี้

เมื่อริมฝีปากอ่อนนุ่มแนบลงบนใบหน้า ความมืดครึ้มในหัวใจของเย่จิ่งอวี้ก็ส่องสว่าง

“จ้าวเอ๋อร์เป็นเด็กดีเสียจริง”

เสี่ยวหนานเฟิงปรบมือเล็กๆ ของเขาขึ้นมาทันที ทำตาหยีและพูดว่า “เด็กดี~”

เมื่อได้ยินเสี่ยวหนานเฟิงเปล่งเสียงออกมาอย่างชัดเจน เย่จิ่งอวี้ก็ยิ่งปลาบปลื้มใจมากขึ้น

เจ้าหนูนี่ช่างเฉลียวฉลาดเสียจริง หากอายุถึงหนึ่งขวบ อาจเริ่มเรียนวิชาความรู้ก็เป็นได้

อินชิงเสวียนลุกขึ้นยืม อมยิ้มและถามว่า “วันนี้ฝ่าบาทไม่อ่านสาส์นกราบทูลหรือเพคะ? เหตุใดจึงกลับเร็วขนาดนี้เพคะ?”

เย่จิ่งอวี้อุ้มลูกชาย และนั่งลงบนเก้าอี้หินในลานบ้าน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์