จวนจิ้งอ๋อง
เย่จั้นกำลังเก็บจัดเสื้อผ้า ตอนนี้อาการบาดเจ็บของเขาหายดีแล้ว ถึงเวลาออกเดินทางแล้ว
เมื่อไม่กี่วันก่อนเขาได้เตรียมตัวที่จะออกจากเมืองหลวง เนื่องจากเมืองซุ่ยหานส่งจดหมายมาแจ้งว่าเป่ยมู่ต๋าถอนกำลังทหารออกไปแล้ว เย่จิ่งอวี้จึงขอให้เขาอยู่ต่ออีกสองสามวัน
เย่จั้นบังเอิญไปที่วัดสุ่ยจิ้ง จากนั้นไปที่โรงน้ำชาเพื่อสอบถามข่าวเป่ยไห่ อย่างไรก็ตาม คนเหล่านี้รู้เรื่องเพียงเล็กน้อย จึงไม่มีประโยชน์ที่จะอยู่ต่ออีก
ทันทีที่เก็บของเสร็จเรียบร้อย คนรับใช้ก็มารายงาน
“ท่านอ๋อง หวงกุ้ยเฟยเสด็จมาพ่ะย่ะค่ะ”
เย่จั้นรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย หลายวันนี้อินชิงเสวียนอยู่ที่สำนักศึกษาหลวงไม่ใช่หรือ ทำไมถึงมาที่จวนอ๋องได้
“กุ้ยเฟยมากับใคร”
คนรับใช้กล่าวอย่างพินอบพิเทา “มีเพียงองค์ชายน้อย และบ่าวรับใช้สองคนเท่านั้น”
เย่จั้นพยักหน้า
“เชิญเข้ามา”
ครู่ต่อมา อินชิงเสวียนก็อุ้มเสี่ยวหนานเฟิงเดินเข้ามาจากด้านนอก
เย่จั้นโค้งคำนับ กล่าวว่า “ถวายพระพรกุ้ยเฟย”
อินชิงเสวียนยิ้มเบาๆ ตอบว่า “ท่านอ๋องตามสบาย ข้ามาที่นี่เพราะข้ามีเรื่องสำคัญจะหารือกับท่านอ๋อง”
พวกเขาทั้งสองก็นับว่าเคยร่วมงานกันหลายครั้ง ดังนั้นอินชิงเสวียนจึงไม่ได้พูดถ้อยคำพิธีรีตองอะไรมากมาย นางพูดตรงเข้าประเด็นทันที
เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางเคร่งขรึมของนาง เย่จั้นก็ให้บ่าวรับใช้ออกไปทันที แล้วถามอย่างอบอุ่น “เกิดอะไรขึ้นในวังรึ”
อินชิงเสวียนพยักหน้า และหยิบโทรศัพท์ออกมา
“ท่านอ๋องดูภาพที่ถูกบันทึกไว้ก็จะทราบเอง”
เย่จั้นรับโทรศัพท์มา แล้วฉากที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ก็แสดงให้ดห็นทันที
เมื่อได้ยินจูอวี้เหยียนพูดถึงฐานะของตัวเอง เย่จั้นก็รู้สึกประหลาดใจ
“สตรีเหล่านี้คือสาวใช้เจียงวูที่พ่อของเจ้าพากลับมาไม่ใช่หรือ”
อินชิงเสวียนพยักหน้า เมื่อเห็นว่าเย่จิ่งอวี้ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของกู่เสน่หา สีหน้าของเย่จั้นก็เปลี่ยนไปทันที
เขาเคยตกอยู่ภายใต้การควบคุมของพิษกู่มาก่อน รู้ว่าสิ่งนี้น่ากลัวเพียงใด ไม่วายพูดด้วยความเกรี้ยวกราด “นังแม่มดนี่ รนหาที่ตายจริงๆ”
อินชิงเสวียนถอนหายใจ และแสดงภาพที่บันทึกภายหลังให้เขาดูอีก
เมื่อเห็นเย่จิ่งอวี้ขอความเมตตาแทนสตรีเหล่านั้น เย่จั้นก็อดขมวดคิ้วไม่ได้
หลานชายของเขามีความรักอย่างลึกซึ้งต่ออินชิงเสวียน แม้ว่าอินชิงเสวียนจะทำความผิดร้ายแรง เขาก็ไม่คิดสงสัย ตอนนี้กลับพูดคำเหล่านี้เพื่อสาวใช้ชาวเจียงวู นับว่าเป็นเรื่องผิดปกติมากจริงๆ
“กุยเฟยหมายความว่า จิตใจของฝ่าบาทอยู่ภายใต้การควบคุมแล้ว?”
“ถูกต้อง ขณะนี้ฝ่าบาทอยู่ภายใต้การควบคุมของกู่เสน่หา จะใช้การทรมานบังคับให้จูอวี้เหยียนสารภาพคงทำไม่ได้อีกแล้ว เมื่อใดที่จูอวี้เหยียนถูกควบคุม นางจะกระตุ้นกู่เสน่หาทันที ซึ่งแผนในตอนนี้ ทำได้แค่ตามหาคนที่เอาพิณไปโดยเร็วที่สุดเท่านั้น”
นางหยุดชั่วคราวและพูดด้วยสีหน้าเป็นกังวล “น่าเสียดายที่คนจากหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์หายตัวไปและหาไม่พบ ฝ่าบาทได้ส่งหน่วยองครักษ์เงาไปหลายคนแล้ว แต่ยังไม่มีข่าวคราวใดๆ เลย”
จู่ๆ เย่จั้นก็นึกถึงคำพูดของอาจารย์ เขาบอกว่าบางทีอาจจะได้พบกับคนจากหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ ในเป่ยไห่
แต่เป่ยไห่อยู่ห่างไกลจากที่นี่มาก จะตามหาคนเจอหรือไม่ก็ยังไม่ทราบแน่ชัด...
“นอกจากนี้ ไม่มีทางอื่นแล้วหรือ”
อินชิงเสวียนดึงมือเล็กป้อมของเสี่ยวหนานเฟิงที่จับผมของนางลง พูดอย่างช่วยไม่ได้ “อาจจะมี แต่ตอนนี้ข้ายังคิดไม่ออก”
เย่จั้นเดินกลับไปกลับมาในห้องโถง หันกลับมาแล้วถามว่า “ไม่ทราบว่ากู่เสน่หานี้มีระยะจำกัดหรือไม่”
อินชิงเสวียนถามว่า “เหตุใดท่านอ๋องจึงพูดเช่นนั้น”
เย่จั้นกล่าวว่า “หากมีระยะ เราก็คิดหาทางให้จูอวี้เหยียนออกจากวัง แล้วค่อยทรมานนางให้สารภาพ ถามวิธีกำจัดกู่เสน่หา ทำเช่นนี้ฝ่าบาทจะไม่ได้รับผลกระทบใดๆ”
เมื่อนึกถึงกู่ที่เย่จั้นและอินสิงอวิ๋นได้รับ อินชิงเสวียนรู้สึกว่าวิธีนี้ไม่สามารถทำได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ยังอัพไม่จบเลย หลายเรื่องเลย อัพมาครึ่งทางแล้วทำไมหยุดอัพดื้อๆค่ะ...
จะอัพเมื่อไหร่คะ...
มาต่อเร็วๆนะแอด...
หยุดอีกแล้ว...
กระหม่อม หม่อมฉัน สลับมั่วไปหมด...
มาอ่านต่อกันเร็วๆ แอดกลับมาอัพต่อแล้ว ขอบคุณค่ะ...
สนุกมาก น่าติดตามมาก เขียนและแปลได้ดีจริงๆ ดีใจที่กลับมาลงต่อ อัพเดตเรื่อยๆ วันละหลายๆ ตอน นะคะ...
หยุดชะงักลงตรงบทนี้ ต่อหรือพอเพียงแค่นี้😁...
หยุดแค่นี้หรือไปต่อ😁...
อัพต่อรออยู่ค่ะ...