มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น เย่จิ่งอวี้ที่สวมชุดคลุมมังกรก็เดินเข้ามาจากด้านนอก
“เสวียนเอ๋อร์”
อินชิงเสวียนหันกลับไปมอง พอเห็นมาลามงกุฎบนศีรษะของเขา ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ฝ่าบาท เหตุใดท่านจึงมาที่นี่”
ในเวลานี้ เย่จิ่งอวี้ต้องประชุมเช้าอยู่ในราชสำนัก เขาไม่เคยมาวังหลังโดยที่ไม่ถอดมาลามงกุฎ แต่วันนี้กลับดูเร่งร้อนขนาดนี้
จู่ๆ จูอวี้เหยียนก็แสดงสีหน้ายินดี นางคลานไปข้างหน้าสองก้าว แล้วกอดขาของเย่จิ่งอวี้
“ฝ่าบาท กุ้ยเฟยบอกว่าพวกหม่อมฉันเป็นสายลับที่เจียงวูส่งมา มาถึงก็ทุบตีพวกหม่อมฉันโดยไม่ถามถูกผิด ขอฝ่าบาทช่วยให้ความเป็นธรรมกับพวกหม่อมฉันด้วยเพคะ”
เย่จิ่งอวี้อดทนต่ออาการปวดหัวแทบระเบิด พูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม “เสวียนเอ๋อร์พูดถูก เห็นได้ชัดว่าพวกเจ้าเป็นสายลับ”
จูอวี้เหยียนเงยหน้าขึ้น ใบหน้างามเปื้อนน้ำตาดั่งดอกสาลี่ต้องหยาดฝนพูดว่า “ฝ่าบาททรงปรีชา หม่อมฉันไม่ใช่สาบลับจริงๆ หม่อมฉันถูกใส่ร้าย”
เมื่อสบตากัน เย่จิ่งอวี้ก็ตะลึงงัน
เสียงในใจของเขาพูดว่า ใช่แล้ว สตรีที่อ่อนแอเช่นนี้จะเป็นสายลับได้อย่างไร
เขาอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้น มองไปที่อินชิงเสวียน
“เสวียนเอ๋อร์ เจ้าคงสับสนกระมัง”
อินชิงเสวียนมองไปยังเย่จิ่งอวี้อย่างไม่อยากจะเชื่อ
ชายคนนี้คงไม่ได้เสียสติไปแล้วกระมัง เมื่อคืนเพิ่งให้เขาดูบันทึกกล้องวงจรปิดไป วันนี้กลับลืมไปหมด หรือว่าพิษกู่มีผลกระทบกับคนมากถึงเพียงนี้เลย?
“ฝ่าบาท พระองค์ทรงลืมสิ่งที่หม่อมฉันให้ดูเมื่อคืนนี้แล้วหรือ”
เย่จิ่งอวี้ตกอยู่ในอาการเคลิบเคลิ้ม จูอวี้เหยียนก็รีบฉวยโอกาสตีเหล็กตอนร้อน
“ฝ่าบาท เป็นกุ้ยเฟยที่กล่าวหาใส่ร้ายพวกเราพี่น้อง เราได้รับคำสั่งให้มารับใช้ฝ่าบาท เราจะคิดเป็นอื่นได้อย่างไร ฝ่าบาทต้องให้ความเป็นธรรมกับพวกเรานะเพคะ”
เย่จิ่งอวี้มองดูนาง และพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว
“อาจจะเป็นการเข้าใจผิด พวกเจ้าลุกขึ้นก่อน”
“ฝ่าบาท!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ยังอัพไม่จบเลย หลายเรื่องเลย อัพมาครึ่งทางแล้วทำไมหยุดอัพดื้อๆค่ะ...
จะอัพเมื่อไหร่คะ...
มาต่อเร็วๆนะแอด...
หยุดอีกแล้ว...
กระหม่อม หม่อมฉัน สลับมั่วไปหมด...
มาอ่านต่อกันเร็วๆ แอดกลับมาอัพต่อแล้ว ขอบคุณค่ะ...
สนุกมาก น่าติดตามมาก เขียนและแปลได้ดีจริงๆ ดีใจที่กลับมาลงต่อ อัพเดตเรื่อยๆ วันละหลายๆ ตอน นะคะ...
หยุดชะงักลงตรงบทนี้ ต่อหรือพอเพียงแค่นี้😁...
หยุดแค่นี้หรือไปต่อ😁...
อัพต่อรออยู่ค่ะ...