สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 495

“นี่เป็น...เรื่องจริงงั้นหรือ”

รูม่านตาของเย่‍จิ่ง‍อวี้หดตัวลงพลัน เรียวตาหงส์คู่นั้นจ้องมองภาพในโทรศัพท์

อินชิงเสวียนพูดเบาๆ “แน่นอนว่าเป็นเรื่องจริง เมื่อครู่ฝ่าบาทก็ปรากฏตัวด้วย ย่อมรู้ว่าสิ่งนี้ไม่สามารถปลอมแปลงได้”

เย่‍จิ่ง‍อวี้พยักหน้า

เมื่อครู่เขาอยู่ในหอซีอวิ๋น และฉากภายในก็เคยเกิดขึ้นมาก่อนจริงๆ

เมื่อคิดถึงสิ่งที่เขาทำโดยไม่ได้ออกมาจากใจ เรียวตาหงส์ก็เปลี่ยนเป็นเย็นชา

“เจียงวูไม่มีเจตนาดีจริงๆ”

อินชิงเสวียนพยักหน้าและกล่าวว่า “ตอนนี้ฝ่าบาทอยู่ภายใต้การควบคุมของกู่เสน่หา อาจส่งผลกระทบต่อความคิดและจิตใจ ฉะนั้นเรื่องนี้มอบให้หม่อมฉันจัดการจึงเหมาะสมที่สุด”

จู่ๆ เย่‍จิ่ง‍อวี้ก็นึกถึงถ้วยชาที่จูอวี้เหยียนส่งให้เขา อดไม่ได้ที่จะพูดอย่างเกลียดชัง “คงเป็นเพราะชาถ้วยนั้น”

อินชิงเสวียนส่ายศีรษะ

“ฝ่าบาทก็ได้ยินแล้ว เมื่อใดที่กู่พิษเลือกแล้ว คนผู้นั้นก็จะหนีไม่พ้น พวกนางมาถึงเมืองหลวง เราก็ไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้”

“โจรถ่อยพวกนี้...”

เย่‍จิ่ง‍อวี้ต้องการสั่งให้คนจับตัวพวกนางไปทั้งหมด แต่มีเสียงในใจบอกเขาว่า ห้ามจับ

เขาไม่สามารถควบคุมความคิดของเขาได้ และมีอาการปวดหัวอีกครั้ง

เมื่อเห็นเย่‍จิ่ง‍อวี้ยืนโงนเงน อินชิงเสวียนก็เอื้อมมือไปพยุงเขา ถอนหายใจพูดว่า “ตอนนี้เกิดเรื่องแล้ว คิดมากไปก็ไม่มีประโยชน์ เราแค่ต้องหาทางแก้ไขเพคะ”

เย่‍จิ่ง‍อวี้นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวยาว ความคิดสองชนิดยังคงขัดแย้งกัน

ความเจ็บปวดในหัวของเขารุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ภาพยุ่งๆ บางภาพก็แวบขึ้นมาในใจ ด้วยความงุนงง ดูเหมือนว่าเขาจะได้ยินใครบางคนพูดว่า “ปล่อยเย่เอ๋อร์ไป ข้ายินดีจะไปกับพวกเจ้า”

เสียงที่คุ้นเคยมากจนเย่‍จิ่ง‍อวี้อดไม่ได้ที่จะคร่ำครวญ “เสด็จแม่~”

“ฝ่าบาท ทรงเป็นอะไรไปเพคะ”

เมื่อเห็นเย่‍จิ่ง‍อวี้พูดละเมอ อินชิงเสวียนก็อดเป็นกังวลเสียมิได้

นางรีบหยิบถ้วยน้ำขึ้นมาแล้วยื่นให้เย่‍จิ่ง‍อวี้ ของกินของใช้ในตำหนักจินหวูใช้แต่น้ำพุวิญญาณ น่าจะช่วยเขาได้บ้าง

เย่‍จิ่ง‍อวี้รับถ้วยชามา แต่นิ้วยาวของเขากลับสั่นเทา

อินชิงเสวียนพูดอ่อนโยน “ฝ่าบาทดื่มสักคำเพคะ อาจบรรเทาอาการปวดศีรษะของท่านได้”

เย่‍จิ่ง‍อวี้พยักหน้า และดื่มน้ำในถ้วยจนหมด

อินชิงเสวียนมองดูเขาแล้วถามว่า “รู้สึกดีขึ้นหรือไม่”

เย่‍จิ่ง‍อวี้ไม่อยากให้อินชิงเสวียนเป็นห่วงตัวเอง เขาจึงคลี่ยิ้มบางๆ

“ข้าไม่เป็นไร ดึกมากแล้ว เสวียน‍เอ๋อร์รีบพักผ่อนดีกว่า ข้าไม่รบกวนเจ้าแล้ว”

อินชิงเสวียนอยากรั้งให้เขาอยู่ด้วยจริงๆ เพราะถ้าเผื่อเกิดเหตุอะไรขึ้น นางจะได้ดูแลได้ แต่สุดท้ายนางก็ไม่ได้เอ่ยปากพูดออกไป

หลังจากที่เย่‍จิ่ง‍อวี้จากไปแล้ว นางก็เปิดกล้องวงจรปิดอีกครั้ง จูอวี้เหยียนพวกนางไปแล้ว เมื่อไม่เห็นความเคลื่อนไหวอะไร อินชิงเสวียนจึงปิดกล้องวงจรปิด

นางนอนบนเตียง แต่ก็ไม่รู้สึกง่วงเลย

เห็นได้ชัดว่าเย่‍จิ่ง‍อวี้ได้รับผลกระทบ จะต้องรีบจัดการเรื่องนี้โดยเร็วที่สุด หากพิษกู่ฝังรากลึกลงไป อาจรับมือได้ยาก

หลังจากนอนไม่หลับทั้งคืน พอเช้าวันรุ่งขึ้น อินชิงเสวียนก็พาคนไปที่หอซีอวิ๋น

จูอวี้เหยียนเพิ่งตื่น กำลังรับประทานอาหารเช้ากับกลุ่มสาวใช้ เมื่อได้ยินว่าอินชิงเสวียนมาถึง นางก็กินจนเสร็จเรียบร้อย แล้วค่อยๆ ลุกขึ้นยืน

“หม่อมฉันถวายพระพรกุ้ยเฟยเพคะ”

ใบหน้าของอินชิงเสวียนเย็นชา แล้วพูดว่า “นังจิ้งจอกจากเจียงวูเหล่านี้ จับตัวไปให้หมด”

เสี่ยวอานจื่อรีบพาคนวิ่งเข้าไปทันที

ดวงตาของจูอวี้เหยียนเปลี่ยนไปพลัน

“กุ้ยเฟย ท่านจะทำอะไร”

อินชิงเสวียนเหยียดยิ้มเยาะ พูดว่า “ข้าสืบพบว่าพวกเจ้าเป็นสายลับของเจียงวู เสี่ยวอานจื่อ พาทุกคนไปที่คุกหลวง”

ขันทีน้อยอีกหลายคนหยิบไม้กระดานออกมาทุบตีจูอวี้เหยียน

สาวใช้หลายคนรีบวิ่งไปปกป้องจูอวี้เหยียนทันที ขันทีน้อยหยิบไม้กระดานขึ้นมา พวกนางทุกคนจึงถูกทุบตีจนร้องไห้ครำครวญเรียกหาบุพการี

ดวงตาของจูอวี้เหยียนแดงก่ำด้วยความเกลียดชัง อดทนต่อความเจ็บปวดตามเนื้อตัว ยังคงกระตุ้นหนอนกู่ที่ในร่างกายของนางต่อไป

อินชิงเสวียนหญิงชั่วคนนี้ จะต้องถูกถลกหนังเพื่อบรรเทาความเกลียดชังของนางให้ได้

ในราชสำนัก เย่‍จิ่ง‍อวี้กำลังฟังการหารือของเหล่าขุนนาง ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกวุ่นวายใจ ต้องการกลับไปที่วังหลัง

เขารู้อยู่แก่ใจว่าต้องเป็นหนอนกู่ที่แฝงอยู่ในร่างกายกำลังแผลงฤทธิ์อยู่ เสวียน‍เอ๋อร์คงกำลังจัดการกับสาวใช้เจียงวูเหล่านั้น ไม่ว่าอย่างไรตัวเองก็ต้องระงับหนอนกู่อันน่าสะอิดสะเอียนนี่ให้ได้

อย่างไรก็ตาม ยิ่งข้ากลั้นไว้มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งหงุดหงิดมากขึ้นเท่านั้น และยังมีอาการปวดหัวทิ่มแทงอีกด้วย

เย่‍จิ่ง‍อวี้หายใจเข้าลึกๆ เอนกายพิงเก้าอี้มังกร มือขวาจับหน้าผาก แล้วหลับตาลงเล็กน้อย พยายามสงบสติอารมณ์

ฉินไห่ฉิวกำลังรายงานเรื่องการผันน้ำ เมื่อเห็นว่าฝ่าบาทเงียบอยู่นาน ก็อดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้น ครั้นเห็นว่าฝ่าบาทขมวดคิ้ว สีหน้าดูเจ็บปวดมาก เขาอดไม่ได้ที่จะถามว่า “ฝ่าบาทไม่สบายหรือพ่ะย่ะค่ะ”

จิตใจของเย่‍จิ่ง‍อวี้สับสนยุ่งเหยิงไปหมด เสียงที่เรียกว่า “ฝ่าบาท” ของฉินไห่ฉิว ทำให้เย่‍จิ่ง‍อวี้พ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิง

ทันใดนั้นเขาก็ลุกขึ้นยืน

“เลิกประชุม!”

บรรดาเสนาบดีขุนนางต่างก็สับสนในทันที กิจการบ้านเมืองยังรายงานไม่เสร็จ เหตุใดจึงบอกให้เลิกประชุมเสียเล่า ฝ่าบาทไม่เคยรีบร้อนเลิกประชุมขนาดนี้มาก่อน หรือทรงไม่สบายจริงๆ

ในขณะที่ขุนนางกำลังครุ่นคิดเรื่องนี้ เย่‍จิ่ง‍อวี้ก็เดินออกมาจากตำหนักจินหลวน และรีบตรงไปที่วังหลัง

หอซีอวิ๋น

อินชิงเสวียนสั่งให้ผู้คนเตะสาวใช้ออกไป แล้วจิกผมของจูอวี้เหยียนขึ้นมา

“ข้าอยากจะถามเจ้าอีกครั้ง หนอนกู่ที่อยู่ในตัวของอินสิงอวิ๋นและฝ่าบาทจะกำจัดได้อย่างไร”

ทันทีที่พูดจบ เสียงของหลี่เต๋อฝูก็ดังมาจากด้านนอก

“ฝ่าบาทเสด็จ คุกเข่าต้อนรับเสด็จ!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์