เสี่ยวอานจื่อเงยหน้าขึ้นมองดูสีหน้าของอินชิงเสวียน โดยที่ไม่กล้าปริปากเอ่ยคำใด
“ไม่ต้องแล้ว เรากลับกันเถอะ”
ใบหน้าของอินชิงเสวียนเย็นชา หลังจากพูดจบนางก็จากไปโดยไม่หันกลับมามอง
เสี่ยวอานจื่อรีบไล่ตามหลังไป
“พระสนม...”
“ข้าไม่เป็นไร”
อินชิงเสวียนไม่พูดอะไรอีก นางเดินกลับไปที่ตำหนักจินหวู
นางมองซ้ายขวา แล้วเปิดโทรศัพท์ ทันใดนั้นฉากของหอซีอวิ๋นก็ปรากฏขึ้น
เห็นเย่จิ่งอวี้นั่งอยู่ตำแหน่งที่หนักหลักอย่างสง่าผ่าเผย ด้านล่างเป็นกลุ่มสตรีที่สวมผ้าคลุมหน้า
บ้างก็กำลังเล่นเครื่องดนตรี บ้างก็กำลังร่ายรำ ดูน่าดึงดูดมาก
สตรีชื่อเหยียนหงนั่งอยู่ข้างๆ เย่จิ่งอวี้ คอบปรนนิบัติรับใช้เขาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
เมื่อเห็นฉากนี้ อินชิงเสวียนก็รู้สึกเปลวไฟที่คุกรุ่นอยู่ในใจ
ไม่กี่ชั่วยามก่อนยังบอกว่าจะพานางไปชมภูเขาและแม่น้ำที่มีชื่อเสียง แต่เพียงพริบตาเดียวก็ไปฟังเพลงดูการร่ายรำกับสตรีจากเจียงวูเหล่านั้น
ปากของบุรุษ มีแต่คำโกหกพกลมจริงๆ
อินชิงเสวียนโกรธจัดจนแลกเปลี่ยนขนมมานั่งกินบนเตียง
อาหารรสเลิศสามารถทำให้คนอารมณ์ดีได้จริงๆ พอกินจนรู้สึกสบายใจแล้ว ก็อารมณ์ดีขึ้นมาก เวลานี้ เย่จิ่งอวี้ที่อยู่บนหน้าจอก็ลุกขึ้นยืนเช่นกัน
“ยามนี้ก็ดึกแล้ว ข้าจะกลับแล้ว”
จูอวี้เหยียนดึงแขนเสื้อเย่จิ่งอวี้แล้วถามเสียงหวานเบาๆ “ไม่ทราบว่าเมื่อใดฝ่าบาทจะมอบยศตำแหน่งให้กับพี่น้องเร้าพคะ”
เมื่อมองดูใบหน้างดงามดวงนั้น เย่จิ่งอวี้ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกงุนงงอยู่พักหนึ่ง แต่แล้วก็นึกถึงอินชิงเสวียน จิตใจของเขาก็ปลอดโปร่งขึ้นทันที ระงับคำพูดที่กำลังโพล่งออกมาได้ทัน
“เรื่องนี้ไว้ค่อยคุยกันภายหลัง”
จูอวี้เหยียนหลุบตาต่ำแล้วพูดว่า “ขอบพระทัยฝ่าบาท พวกหม่อมฉันน้อมส่งฝ่าบาทเพคะ”
เย่จิ่งอวี้พยักหน้า หยิบเสื้อคลุมแล้วออกไป
ขณะมองตามแผ่นหลังของเขา จูอวี้เหยียนก็ยกมุมปากขึ้นยิ้ม
นิสัยใจคอของบุรุษผู้นี้มั่นคงมาก หากคนธรรมดาตกอยู่ภายใต้การควบคุมของกู่เสน่หา ก็คงไม่สามารถควบคุมตัวเองได้แล้ว แต่เขากลับสามารถคุมตัวเองได้
ฟางรั่วมองไปรอบๆ ปิดประตู แล้วถามด้วยเสียงแผ่วต่ำ “ราชครู กู่เสน่หาใช้ได้ผลหรือไม่”
จูอวี้เหยียนเอนหลังบนเก้าอี้เบาๆ หยิบถ้วยชาขึ้นมาแล้วจิบช้าๆ
“น่าจะได้ผลแล้ว ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่มา ยิ่งไม่ปล่อยพวกเราเช่นนี้”
ฟางรั่วถามว่า “แล้วเมื่อไหร่เขาจะตกอยู่ภายใต้การควบคุมของกู่เสน่หาโดยสมบูรณ์”
จูอวี้เหยียนวางถ้วยชาลง หรี่ตาแล้วพูดว่า “ถ้าเขามีความรู้สึกลึกซึ้งต่ออินชิงเสวียน เกรงว่าคงต้องรอสักพัก”
ฟางรั่วคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามว่า “ราชครู กู่เสน่หาของเราคงจะไม่ไร้ผลกระมัง พวกเรา...ควรเพิ่มอีกตัวดีหรือไม่”
จูอวี้เหยียนกลอกตามองฟางรั่ว แล้วพูดอย่างเย็นชา “เจ้าคิดว่าหนอนกู่เป็นเหมือนต้นหญ้าข้างถนนงั้นหรือ หากมีกู่มากขนาดนั้น ข้าก็ไม่จำเป็นต้องใช้ความพยายามมากขนาดนี้ อยากควบคุมใครก็ควบคุมได้หมดแล้ว”
ฟางรั่วเป็นสาวใช้ของอาซือหลาน ไม่ค่อยรู้เรื่องกู่มากนัก จึงรีบพูดว่า “เป็นข้าน้อยที่ไม่ทราบ”
“ช่างเถอะ ไม่เป็นอะไร”
นางหยุดชั่วครู่แล้วพูดว่า “กู่เสน่หานี้ข้าต้องใช้เวลาเจ็ดปีถึงจะบ่มเพาะมาได้ จะไร้ผลได้อย่างไร แม้ว่าเย่จิ่งอวี้จะไม่ดื่มชาถ้วยนั้น ขอเพียงเป็นคนที่ข้าหมายตา กู่เสน่หาก็จะเข้าร่างของคนผู้นั้นโดยไม่กระโตกกระตาก เขาจะหลบหนีได้อย่างไร”
“ถ้าอย่างนั้นขั้นตอนต่อไปของเรา...”
จูอวี้เหยียนยืนขึ้น ถอดผ้ารัดเอวออก
“รอไปก่อนก็พอ นี่เพิ่งผ่านไปไม่กี่วัน เจ้าจะรีบไปทำไม ออกไปเถอะ”
ฟางรั่วโค้งคำนับแล้วพูดว่า “เจ้าค่ะ”
จูอวี้เหยียนหาว แล้วกลับไปนอน นางระมัดระวังตัวและรอบคอบพอสมควร แต่ไม่เคยคิดว่าโลกนี้จะมีเทคโนโลยีขั้นสูงอยู่
ที่อีกด้านหนึ่งของหน้าจอ อินชิงเสวียนเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ
สตรีที่ชื่อเหยียนหงก็คือราชครู?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ยังอัพไม่จบเลย หลายเรื่องเลย อัพมาครึ่งทางแล้วทำไมหยุดอัพดื้อๆค่ะ...
จะอัพเมื่อไหร่คะ...
มาต่อเร็วๆนะแอด...
หยุดอีกแล้ว...
กระหม่อม หม่อมฉัน สลับมั่วไปหมด...
มาอ่านต่อกันเร็วๆ แอดกลับมาอัพต่อแล้ว ขอบคุณค่ะ...
สนุกมาก น่าติดตามมาก เขียนและแปลได้ดีจริงๆ ดีใจที่กลับมาลงต่อ อัพเดตเรื่อยๆ วันละหลายๆ ตอน นะคะ...
หยุดชะงักลงตรงบทนี้ ต่อหรือพอเพียงแค่นี้😁...
หยุดแค่นี้หรือไปต่อ😁...
อัพต่อรออยู่ค่ะ...