สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 494

เสี่ยวอานจื่อเงยหน้าขึ้นมองดูสีหน้าของอินชิงเสวียน โดยที่ไม่กล้าปริปากเอ่ยคำใด

“ไม่ต้องแล้ว เรากลับกันเถอะ”

ใบหน้าของอินชิงเสวียนเย็นชา หลังจากพูดจบนางก็จากไปโดยไม่หันกลับมามอง

เสี่ยวอานจื่อรีบไล่ตามหลังไป

“พระสนม...”

“ข้าไม่เป็นไร”

อินชิงเสวียนไม่พูดอะไรอีก นางเดินกลับไปที่ตำหนักจินหวู

นางมองซ้ายขวา แล้วเปิดโทรศัพท์ ทันใดนั้นฉากของหอซีอวิ๋นก็ปรากฏขึ้น

เห็นเย่‍จิ่ง‍อวี้นั่งอยู่ตำแหน่งที่หนักหลักอย่างสง่าผ่าเผย ด้านล่างเป็นกลุ่มสตรีที่สวมผ้าคลุมหน้า

บ้างก็กำลังเล่นเครื่องดนตรี บ้างก็กำลังร่ายรำ ดูน่าดึงดูดมาก

สตรีชื่อเหยียนหงนั่งอยู่ข้างๆ เย่‍จิ่ง‍อวี้ คอบปรนนิบัติรับใช้เขาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

เมื่อเห็นฉากนี้ อินชิงเสวียนก็รู้สึกเปลวไฟที่คุกรุ่นอยู่ในใจ

ไม่กี่ชั่วยามก่อนยังบอกว่าจะพานางไปชมภูเขาและแม่น้ำที่มีชื่อเสียง แต่เพียงพริบตาเดียวก็ไปฟังเพลงดูการร่ายรำกับสตรีจากเจียงวูเหล่านั้น

ปากของบุรุษ มีแต่คำโกหกพกลมจริงๆ

อินชิงเสวียนโกรธจัดจนแลกเปลี่ยนขนมมานั่งกินบนเตียง

อาหารรสเลิศสามารถทำให้คนอารมณ์ดีได้จริงๆ พอกินจนรู้สึกสบายใจแล้ว ก็อารมณ์ดีขึ้นมาก เวลานี้ เย่‍จิ่ง‍อวี้ที่อยู่บนหน้าจอก็ลุกขึ้นยืนเช่นกัน

“ยามนี้ก็ดึกแล้ว ข้าจะกลับแล้ว”

จูอวี้เหยียนดึงแขนเสื้อเย่‍จิ่ง‍อวี้แล้วถามเสียงหวานเบาๆ “ไม่ทราบว่าเมื่อใดฝ่าบาทจะมอบยศตำแหน่งให้กับพี่น้องเร้าพคะ”

เมื่อมองดูใบหน้างดงามดวงนั้น เย่‍จิ่ง‍อวี้ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกงุนงงอยู่พักหนึ่ง แต่แล้วก็นึกถึงอินชิงเสวียน จิตใจของเขาก็ปลอดโปร่งขึ้นทันที ระงับคำพูดที่กำลังโพล่งออกมาได้ทัน

“เรื่องนี้ไว้ค่อยคุยกันภายหลัง”

จูอวี้เหยียนหลุบตาต่ำแล้วพูดว่า “ขอบพระทัยฝ่าบาท พวกหม่อมฉันน้อมส่งฝ่าบาทเพคะ”

เย่‍จิ่ง‍อวี้พยักหน้า หยิบเสื้อคลุมแล้วออกไป

ขณะมองตามแผ่นหลังของเขา จูอวี้เหยียนก็ยกมุมปากขึ้นยิ้ม

นิสัยใจคอของบุรุษผู้นี้มั่นคงมาก หากคนธรรมดาตกอยู่ภายใต้การควบคุมของกู่เสน่หา ก็คงไม่สามารถควบคุมตัวเองได้แล้ว แต่เขากลับสามารถคุมตัวเองได้

ฟางรั่วมองไปรอบๆ ปิดประตู แล้วถามด้วยเสียงแผ่วต่ำ “ราชครู กู่เสน่หาใช้ได้ผลหรือไม่”

จูอวี้เหยียนเอนหลังบนเก้าอี้เบาๆ หยิบถ้วยชาขึ้นมาแล้วจิบช้าๆ

“น่าจะได้ผลแล้ว ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่มา ยิ่งไม่ปล่อยพวกเราเช่นนี้”

ฟางรั่วถามว่า “แล้วเมื่อไหร่เขาจะตกอยู่ภายใต้การควบคุมของกู่เสน่หาโดยสมบูรณ์”

จูอวี้เหยียนวางถ้วยชาลง หรี่ตาแล้วพูดว่า “ถ้าเขามีความรู้สึกลึกซึ้งต่ออินชิงเสวียน เกรงว่าคงต้องรอสักพัก”

ฟางรั่วคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามว่า “ราชครู กู่เสน่หาของเราคงจะไม่ไร้ผลกระมัง พวกเรา...ควรเพิ่มอีกตัวดีหรือไม่”

จูอวี้เหยียนกลอกตามองฟางรั่ว แล้วพูดอย่างเย็นชา “เจ้าคิดว่าหนอนกู่เป็นเหมือนต้นหญ้าข้างถนนงั้นหรือ หากมีกู่มากขนาดนั้น ข้าก็ไม่จำเป็นต้องใช้ความพยายามมากขนาดนี้ อยากควบคุมใครก็ควบคุมได้หมดแล้ว”

ฟางรั่วเป็นสาวใช้ของอาซือหลาน ไม่ค่อยรู้เรื่องกู่มากนัก จึงรีบพูดว่า “เป็นข้าน้อยที่ไม่ทราบ”

“ช่างเถอะ ไม่เป็นอะไร”

นางหยุดชั่วครู่แล้วพูดว่า “กู่เสน่หานี้ข้าต้องใช้เวลาเจ็ดปีถึงจะบ่มเพาะมาได้ จะไร้ผลได้อย่างไร แม้ว่าเย่‍จิ่ง‍อวี้จะไม่ดื่มชาถ้วยนั้น ขอเพียงเป็นคนที่ข้าหมายตา กู่เสน่หาก็จะเข้าร่างของคนผู้นั้นโดยไม่กระโตกกระตาก เขาจะหลบหนีได้อย่างไร”

“ถ้าอย่างนั้นขั้นตอนต่อไปของเรา...”

จูอวี้เหยียนยืนขึ้น ถอดผ้ารัดเอวออก

“รอไปก่อนก็พอ นี่เพิ่งผ่านไปไม่กี่วัน เจ้าจะรีบไปทำไม ออกไปเถอะ”

ฟางรั่วโค้งคำนับแล้วพูดว่า “เจ้าค่ะ”

จูอวี้เหยียนหาว แล้วกลับไปนอน นางระมัดระวังตัวและรอบคอบพอสมควร แต่ไม่เคยคิดว่าโลกนี้จะมีเทคโนโลยีขั้นสูงอยู่

ที่อีกด้านหนึ่งของหน้าจอ อินชิงเสวียนเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ

สตรีที่ชื่อเหยียนหงก็คือราชครู?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์