อินจ้งขมวดคิ้วมุ่นขึ้น
เขาได้ยินอินปู้อวี่พูดว่าถ้าเขาต้องการกำจัดพิษกู่ของบุตรชายคนโต จำเป็นต้องตามหาหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ของสำนักสันโดษ มีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่สามารถใช้เครื่องดนตรีเพื่อขับไล่หนอนร้ายออกมาได้
เขานำทหารออกรบมานานหลายปีแล้ว แต่ไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับสำนักแบบนี้มาก่อน คงจะหาพบได้ยากแน่นอน วิธีเดียวที่จะช่วยทั้งสองคนได้ คือการขอยาแก้พิษจากจูอวี้เหยียน
เมื่อนึกถึงอินสิงอวิ๋นที่หมดสติ และฝ่าบาทที่เลิกประชุมเช้าเร็วเพราะปวดศีรษะ อินจ้งก็เงยหน้าขึ้นพูดว่า “ปมที่แก้ยากก็ยังมีทางแก้ น้ำไกลไม่อาจดับกระหายได้ ไปหาจูอวี้เหยียนหารือเงื่อนไขกับนางดีกว่า”
“นางกับอาซือหลานก็ตะเภาเดียวกัน เหตุผลที่นางทำเช่นนี้ก็เพื่อควบคุมฝ่าบาท ยึดอำนาจของฝ่าบาทไว้ในมือของนางเอง และร่วมมือกับอาซือหลานทั้งภายในและภายนอกเพื่อโค่นล้มต้าโจว นางจะไม่มีวันประนีประนอมแน่ ตอนนี้ข้าอยากจะรู้ว่าการมีชีวิตอยู่ของนางมีความเชื่อมโยงกับพิษกู่อย่างไร ถ้าไม่มี ข้าจะฆ่านางเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาภายหลัง”
เมื่ออินชิงเสวียนพูดเช่นนี้ นัยน์ตาก็เป็นประกายด้วยเจตนาฆ่า
อินจ้งพูดขึ้นโดยเร็ว “อย่าเพิ่งผลีผลาม ในเมื่อจูอวี้เหยียนสามารถควบคุมพิษกู่ได้ ต้องมีบางอย่างที่ต้องพึ่งพา ถ้านางตาย พี่ใหญ่เจ้าและฝ่าบาทก็อาจไม่รอดเช่นกัน”
อินชิงเสวียนขมวดคิ้วและพูดว่า “ข้าก็กลัวข้อนั้นเช่นกัน”
“อืม เมื่อเกี่ยวพันถึงฝ่าบาท เราต้องระวังให้มากขึ้น”
อินจ้งก้าวไปข้างหน้าสองก้าว จากนั้นหยุดและพูดว่า “ไม่ทราบว่าชิงเสวียนจะจัดการให้พ่อพบกับสตรีแซ่จูได้หรือไม่”
อินชิงเสวียนเลิกคิ้ว
“ท่านพ่อไม่รู้จักกับนาง ย่อมไม่สามารถโน้มน้าวใจนางได้ แม้จะได้พบกันก็คงไร้ความหมาย”
อินจ้งอ้าปากพะงาบๆ หลังจากนั้นไม่นานก็พูดว่า “สิ่งที่ชิงเสวียนพูดก็มีเหตุผล พ่อจะลองคิดดูอีกครั้ง”
ในระหว่างที่สองพ่อลูกกำลังคุยกันก็เดินมาถึงทางเข้าห้องโถงแล้ว อินจื่อลั่วกำลังเล่นกับเสี่ยวหนานเฟิง โดยมีเสี่ยวอานจื่อและอวิ๋นฉ่ายคอยดูแลอยู่ข้างๆ
เมื่อฟังเสียงหัวเราะใสๆ ของลูกชาย อินชิงเสวียนก็อารมณ์ดีขึ้นทันตา
“ท่านพี่”
เมื่อเห็นอินชิงเสวียน อินจื่อลั่วก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว พูดด้วยรอยยิ้ม “จ้าวเอ๋อร์เป็นเด็กดีมากเจ้าค่ะ เรียกน้าได้ด้วย”
เสี่ยวหนานเฟิงดูเหมือนจะเข้าใจสิ่งที่อินจื่อลั่วพูด เขาโบกมือแง่งขิงแล้วตะโกน “นานา นานา~”
เมื่อเห็นท่าทางน่ารักน่าเอ็นดูของลูกชาย อินชิงเสวียนก็หัวเราะขำ
“เรียกน้าน้า”
จ้าวเอ๋อร์ลืมตาคู่โตสีดำมองปริบๆ แล้วพูดด้วยเสียงแจ๋วๆ “นานา”
อินจื่อลั่วก้มลงจูบแก้มกลมๆ ของเขา แล้วพูดเบาๆ “น้ารู้แล้วว่าเจ้ากำลังเรียกน้า จ้าวเอ๋อร์เก่งที่สุดเลย”
เสี่ยวหนานเฟิงมองไปที่อินจื่อลั่ว พยักหน้าอย่างจริงจัง อ้าปากแล้วพูดว่า “เก่งมาก”
คราวนี้เสียงที่เปล่งออกมานั้นชัดเจนมาก
ซูหมิงหลานกำลังพาสาวใช้มาตั้งโต๊ะอาหารพอดี เมื่อได้ยินจ้าวเอ๋อร์พูดชัดถ้อยชัดคำขนาดนี้ นางก็อดยิ้มไม่ได้ และพูดว่า “องค์ชายน้อยของเราฉลาดมาก อายุเพียงเจ็ดเดือนก็สามารถพูดเป็นคำได้ น้องหญิงเล็กของเจ้าตอนอายุหนึ่งขวบยังพูดไม่ชัดเลย”
ทันใดนั้นอินจื่อลั่วรู้สึกเขินอาย นางดึงแขนเสื้อของซูหมิงหลานแล้วพูดว่า “ท่านแม่ ท่านแฉข้าอีกแล้ว”
ซูหมิงหลานลูบศีรษะลูกสาวด้วยความรัก
“นี่เป็นพี่สาวแท้ๆ ของเจ้า กลัวอะไร ชิงเสวียนลูก มากินข้าวเร็ว แม่รองได้ยินว่าเจ้าชอบกินเกี๊ยว จึงเรียนทำมาหน่อย ไม่รู้ว่าจะเป็นแบบนี้หรือเปล่า เจ้าอย่าหัวเราะเยาะแม่รองนะ”
ซูหมิงหลานเดินไปยกฝาถ้วยขึ้น ข้างในมีเกี๊ยวจริงๆ แต่รูปร่างของเกี๊ยวไม่สวยงามมากนัก ล้วนเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า
ซูหมิงหลานไม่เคยกินของแบบนี้มาก่อน เคยได้ยินคนพูดว่ามีไส้อยู่ในนั้น นางจึงนำมาปรับใช้ด้วยตัวเอง นานๆ อินชิงเสวียนจะกลับมาสักที จึงต้องให้ลูกได้กินอาหารที่ถูกปากหน่อย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ยังอัพไม่จบเลย หลายเรื่องเลย อัพมาครึ่งทางแล้วทำไมหยุดอัพดื้อๆค่ะ...
จะอัพเมื่อไหร่คะ...
มาต่อเร็วๆนะแอด...
หยุดอีกแล้ว...
กระหม่อม หม่อมฉัน สลับมั่วไปหมด...
มาอ่านต่อกันเร็วๆ แอดกลับมาอัพต่อแล้ว ขอบคุณค่ะ...
สนุกมาก น่าติดตามมาก เขียนและแปลได้ดีจริงๆ ดีใจที่กลับมาลงต่อ อัพเดตเรื่อยๆ วันละหลายๆ ตอน นะคะ...
หยุดชะงักลงตรงบทนี้ ต่อหรือพอเพียงแค่นี้😁...
หยุดแค่นี้หรือไปต่อ😁...
อัพต่อรออยู่ค่ะ...