สี่ชั่วยามต่อมา หญิงสาวทั้งสองก็ปรากฏตัวขึ้นในย่านใจกลางเมือง
ทุกครั้งที่อินชิงเสวียนออกจากวังนางมักจะรีบเร่งอยู่เสมอ ไม่เคยเดินเที่ยวเล่นเช่นนี้มาก่อน เมื่อมองดูผู้คนที่ยุ่งวุ่นวายทำการค้าบนถนน จู่ๆ นางก็รู้สึกเหมือนกำลังเดินเล่นที่ตลาดนัดกลางคืน
ทั้งสองมองไปรอบๆ รู้สึกผ่อนคลายและสบายใจมาก
ฉินเทียนและหลี่ฉีติดตามทั้งสองอยู่ข้างหลัง แต่กลับทำท่าระแวดระวังราวกับเผชิญหน้ากับศัตรูที่น่าเกรงขาม
คนผู้นี้เป็นถึงกุ้ยเฟยของฝ่าบาทองค์ปัจจุบัน ทั้งยังมีบุตรีคนที่สี่ของแม่ทัพอิน หากเกิดอะไรขึ้น พวกเขาไม่สามารถรับผิดชอบไหว
“ท่านพี่ น้ำตาลปั้นเจ้าค่ะ!”
อินจื่อลั่วชี้ไปที่คนขายน้ำตาลปั้น แล้วทำท่าเหมือนอยากไปลองกิน
อินชิงเสวียนพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไป พวกเราไปชื้อมาลองชิมสองอัน”
นับตั้งแต่ออกจากวังเย็น อินชิงเสวียนก็มีความกังวลเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ มากมาย ยากมากที่อินชิงเสวียนจะผ่อนคลายจิตใจเช่นนี้
อินจื่อลั่ววิ่งไปที่แผงขายน้ำตาลปั้น หมายตาน้ำตาลปั้นเล็กๆ ที่อยู่ด้านบนสุด นางเอื้อมมือจะไปหยิบ แต่กลับมีมืออีกข้างหนึ่งมาฉวยไปก่อน
อินจื่อลั่วจ้องตามมือไปหาเจ้าของมือ แล้วก็เห็นว่าคนที่แย่งน้ำตาลปั้นไปเป็นเด็กชายอายุเจ็ดแปดขวบ สวมชุดผ้าแพรสีเขียวเข้ม ท่าทางดูดี
ในชั่วพริบตา เด็กชายก็อ้าปากกัดเข้าน้ำตาลปั้นเข้าไปเต็มคำ
ส่วนหัวน้ำตาลปั้นถูกกัดทันที อินจื่อลั่วร้องลั่นอย่างอดไม่ได้
เด็กชายเหลือบมองนาง แล้วเคี้ยวน้ำตาลปั้นต่อ
อินชิงเสวียนได้ยินเสียงจึงมองตามไป แล้วก็เห็นเย่จิ่งหลานที่ยืนยืดหลังตรงอยู่ เขาตัวไม่สูง จึงต้องพยายามเขย่งเท้ายืดคอ ดูน่าขำเล็กน้อย
อินจื่อลั่วโกรธมาก เท้าสะเอวอย่างอดไม่ได้ แล้วพูดว่า “ข้าเห็นก่อนนะ”
เย่จิ่งหลานหันกลับมาแล้วพูดว่า “แต่ข้าหยิบได้ก่อน”
เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมอง ก็บังเอิญเห็นอินชิงเสวียน เขารู้สึกเขินอายเล็กน้อย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ยังอัพไม่จบเลย หลายเรื่องเลย อัพมาครึ่งทางแล้วทำไมหยุดอัพดื้อๆค่ะ...
จะอัพเมื่อไหร่คะ...
มาต่อเร็วๆนะแอด...
หยุดอีกแล้ว...
กระหม่อม หม่อมฉัน สลับมั่วไปหมด...
มาอ่านต่อกันเร็วๆ แอดกลับมาอัพต่อแล้ว ขอบคุณค่ะ...
สนุกมาก น่าติดตามมาก เขียนและแปลได้ดีจริงๆ ดีใจที่กลับมาลงต่อ อัพเดตเรื่อยๆ วันละหลายๆ ตอน นะคะ...
หยุดชะงักลงตรงบทนี้ ต่อหรือพอเพียงแค่นี้😁...
หยุดแค่นี้หรือไปต่อ😁...
อัพต่อรออยู่ค่ะ...