อินชิงเสวียนหน้าเปลี่ยนสี มองไปที่เย่จิ่งหลานโดยไม่รู้ตัว
เย่จิ่งหลานก็มองไปที่ชายชราด้วยสายตาเคร่งขรึมเล็กน้อย
อินจื่อลั่วกลับตกใจเมื่อเห็นภาพนั้น นางร้องกรี๊ดพร้อมกับเอามือปิดตา
อินชิงเสวียนกอดอินจื่อลั่วและตบหลังนางเบาๆ
“ไม่ต้องกลัวนะ พี่อยู่นี่แล้ว”
อินจื่อลั่วซุกหน้าไว้ในอ้อมแขนของพี่สาว กลัวเกินกว่าจะมองกลับไป
อินชิงเสวียนส่งสายตาให้เย่จิ่งหลาน
“เราไปนั่งโรงน้ำชาใกล้ๆ กันเถอะ”
พวกเขาทั้งสามเดินขึ้นไปชั้นบนในโรงน้ำชา ส่วนองครักษ์รออยู่ที่ชั้นล่าง
อินชิงเสวียนสั่งชาให้อินจื่อลั่วดื่ม แล้วมองไปที่เย่จิ่งหลาน
“เรื่องนี้เจ้าจะว่าอย่างไร”
เย่จิ่งหลานหยิบถ้วยชาขึ้นมาจิบ แล้วถามกลับว่า “เจ้าคิดว่าข้าจะเย็บแผลที่ไม่น่าดูขนาดนี้หรือ ในความคิดของข้า การผ่าตัดก็เป็นศิลปะเช่นกัน”
เมื่อสบตากัน เย่จิ่งหลานก็ไม่หลบสายตา ดวงตาของเขาก็ชัดเจนและสงบมาก
พอนึกว่าเขาเป็นศัลยแพทย์ ก็ดูไม่น่าจะเย็บบาดแผลที่น่าเกลียดเช่นนี้ได้จริงๆ
“แล้วเกิดอะไรขึ้นกันนี่”
เย่จิ่งหลานยักไหล่
“ข้าจะรู้ได้อย่างไร เรื่องนี้ไม่ใช่ความรับผิดชอบของข้า”
อินชิงเสวียนยังคงจ้องมองเขา
เย่จิ่งหลานพูดอย่างช่วยไม่ได้ “คุณหนูใหญ่ ถึงตอนนี้เจ้าคงไม่ได้สงสัยข้าอยู่หรอกนะ”
อินชิงเสวียนถอนสายตา ขมวดคิ้วและพูดว่า “ใครกันที่โหดร้ายและชั่วช้าขนาดนี้”
หากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ราษฎรจะตื่นตระหนกอย่างแน่นอน
เย่จิ่งหลานหยิบขนมชิ้นหนึ่งเข้าปาก กัดแล้วพูดอย่างไม่อินังขังขอบว่า “ไม่ว่ายุคไหนๆ ก็มีพวกเพี้ยน ถ้าอยากรู้ว่าเป็นใคร ก็ต้องดูว่าศาลต้าหลี่จะมีความสามารถขนาดไหน”
อินจื่อลั่วรู้แล้วว่าพี่สาวรู้จักเด็กน้อยคนนี้ เมื่อนางได้ยินเช่นนี้ นางก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า “คนเพี้ยนหมายความว่าอย่างไร”
เย่จิ่งหลานพูดเย้าๆ “ก็เป็นหญิงบ้าเหมือนเจ้าอย่างไรล่ะ”
อินจื่อลั่วแก้มป่องขึ้นทันที พูดด้วยความโกรธ “เจ้ายังกล้าว่าข้าอีก เห็นได้ชัดว่าเป็นความผิดของเจ้าตั้งแต่แรก ที่แย่งขนมของข้าไป”
เมื่อมองดูท่าทางที่คล้ายหนูแฮมสเตอร์ของเด็กหญิงตัวน้อยคนนี้ เย่จิ่งหลานก็รู้สึกสนุก
เด็กหญิงในยุคนี้ไร้เดียงสาจริงๆ ถ้าเป็นยุคปัจจุบัน คงมีคู่ไปนานแล้ว
“การซื้อของต้องดูใครมาก่อนได้ก่อนไม่ใช่หรือ ไม่ได้เขียนชื่อบนน้ำตาลปั้นเสียหน่อย ทำไมถึงบอกว่าเป็นของเจ้าล่ะ”
เย่จิ่งหลานเท้าคาง นึกอยากล้อเด็กเล่น
ความจริงในยุคปัจจุบันเขาชอบเด็กมาก ถึงขั้นเพ้อฝันอยู่หลายครั้ง ว่าจะหาผู้หญิงสวยๆ มาแต่งงาน แล้วมีลูกตัวอ้วนๆ คู่หนึ่ง
อย่างไรก็ตามความจริงก็คือความจริง ไม่มีสตรีคนใดชอบผู้แพ้ที่น่าสงสารเช่นเขา
หลายครั้งพอคู่นัดบอดได้ยินมาว่าเขาต้องเช่าบ้านอยู่ รถก็เป็นรถจักรยาน คนเหล่านั้นก็วิ่งหนีไปโดยไม่พูดพร่ำทำเพลงด้วยซ้ำ
ในที่สุดก็เดินทางข้ามมิติมาเป็นอ๋อง มีเสื้อผ้าและอาหารเลิศรส มีคนรับใช้คอยรับใช้ แต่ร่างกายดันเป็นร่างของเด็กเสียอย่างนั้น
แม้ว่าเขาจะมีความคิดอื่น แต่ร่างเจ็ดแปดขวบที่ยังไม่มีขนขึ้นด้วยซ้ำ ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องการมีลูกเลย
นั่นเป็นเหตุผลที่เขาอดไม่ได้ที่จะหยอกล้ออินจื่อลั่ว ในสายตาของเขา อินจื่อลั่วเป็นเพียงนักเรียนชั้นประถมศึกษา ที่น่ารักน่าแกล้งมาก ทั้งยังน่าสนใจกว่าอินชิงเสวียนตั้งเยอะ
เมื่อเห็นพวกเขาทั้งสองจ้องตากันเหมือนไก่ชน อินชิงเสวียนก็รีบดึงอินจื่อลั่วออกมาอย่างรวดเร็ว
“พอแล้วจื่อลั่ว ถึงเวลาที่เราต้องกลับแล้ว”
อินจื่อลั่วทำหน้าทะเล้นใส่เขา
เย่จิ่งหลานกระตุกมุมปากขึ้น “เด็กน้อย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ยังอัพไม่จบเลย หลายเรื่องเลย อัพมาครึ่งทางแล้วทำไมหยุดอัพดื้อๆค่ะ...
จะอัพเมื่อไหร่คะ...
มาต่อเร็วๆนะแอด...
หยุดอีกแล้ว...
กระหม่อม หม่อมฉัน สลับมั่วไปหมด...
มาอ่านต่อกันเร็วๆ แอดกลับมาอัพต่อแล้ว ขอบคุณค่ะ...
สนุกมาก น่าติดตามมาก เขียนและแปลได้ดีจริงๆ ดีใจที่กลับมาลงต่อ อัพเดตเรื่อยๆ วันละหลายๆ ตอน นะคะ...
หยุดชะงักลงตรงบทนี้ ต่อหรือพอเพียงแค่นี้😁...
หยุดแค่นี้หรือไปต่อ😁...
อัพต่อรออยู่ค่ะ...