บนถนนสายยาว อินชิงเสวียนเดินทางอย่างเชื่องช้า
เมื่อเข้าใกล้วัง จู่ๆ ก็รู้สึกหงุดหงิด
ไม่รู้ว่าจะสามารถกำจัดพิษกู่นี้ได้เมื่อไหร่ วันหนึ่งเย่จิ่งอวี้จะจำตัวเองไม่ได้หรือไม่
พอคิดถึงกวนเซี่ยวที่รู้เรื่องนี้แต่ไม่รายงาน ก็รู้สึกอัดอั้นตันใจมากยิ่งขึ้น
เมื่อเห็นว่าอินชิงเสวียนไม่มีความสุข อวิ๋นฉ่ายจึงพูดว่า “พระสนม ท่านกังวลใจหรือเพคะ”
“ไม่มีอะไร ข้ากำลังคิดว่ามื้อเย็นจะกินอะไรดี”
เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องสำคัญ เด็กสาวอย่างอวิ๋นฉ่ายไม่สามารถแก้ไขได้แน่นอน พูดคุยกับนางก็คงไม่ช่วยอะไร รังแต่จะเพิ่มปัญหาเท่านั้น
อวิ๋นฉ่ายคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “หม่อมฉันจะทำขนมเปี๊ยะไส้น้ำตาลให้พระสนมดีกว่า ได้ยินคนพูดว่าการกินของหวานจะทำให้คนมีความสุข”
“ข้าก็เคยได้ยินคำพูดนี้เหมือนกัน แต่ไม่เอาดีกว่า กินหวานมากไปจะทำให้อ้วน มากินหม้อไฟกันดีกว่า”
เมื่อเข้าสู่ช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงแล้วอุณหภูมิก็ค่อยๆ ลดลง หลังจากพระอาทิตย์ตกดินแล้วอากาศก็ยังค่อนข้างเย็น
อวิ๋นฉ่ายพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ได้เพคะ กลับตำหนักแล้วหม่อมฉันจะเตรียมวัตถุดิบให้เอง”
ขณะที่พูด อินชิงเสวียนก็มาถึงประตูวัง นางลงจากหลังม้า แล้วส่งหนิงซวงให้กับฉินเทียน
ยายหลี่กำลังรออยู่หน้าตำหนักจินหวู เมื่อนางเห็นเสี่ยวหนานเฟิงนางก็รีบเอื้อมมือไปอุ้มขึ้นมา
“องค์ชายน้อยกลับมาแล้ว หม่อมฉันคิดถึงแทบแย่”
เสี่ยวหนานเฟิงยื่นมือออกทันที แล้วชี้ไปที่จมูกของยายหลี่
“คิดถึง”
ยายหลี่จูบมือเล็กๆ ของเขา
“องค์ชายน้อยเด็กดี”
จากนั้นก็พูดกับอินชิงเสวียน “พระสนม ฝ่าบาทเสด็จมาที่นี่ตั้งแต่สิบห้านาทีก่อนแล้วเพคะ”
อินชิงเสวียนถามขณะที่กำลังเดิน “ฝ่าบาทมาทำอะไรที่นี่”
“หม่อมฉันก็ไม่ทราบ ถามว่าพระสนมกลับมาหรือยัง หม่อมฉันบอกว่ายังไม่กลับ ฝ่าบาทก็เสด็จออกไป”
อินชิงเสวียนหันกลับมาแล้วถามว่า “ไม่ได้พูดอะไรเลยหรือ”
ยายหลี่พูดว่า “ไม่ได้พูดอะไรเลย”
อินชิงเสวียนร้องอ้อรับเบาๆ แล้วพูดว่า “ข้ารู้แล้ว”
เมื่อมาถึงทางเข้าห้องโถงกลาง แต่ก็เป็นกังวลว่าเย่จิ่งอวี้มาหาตัวเองเพราะมีธุระอะไร จึงเรียกเสี่ยวอานจื่อแล้วไปที่ห้องหนังสือ
ขันทีที่อยู่นอกประตำแเห็นอินชิงเสวียนมาก็รีบคุกเข่าน้อมทักทาย แต่ก็เห็นองค์หญิงเย่ไห่ถังเดินออกมาพอดี
“เสด็จพี่สะใภ้ ท่านกลับวังแล้ว แม่ทัพน้อยอิน...สบายดีหรือไม่”
เย่ไห่ถังมีสีหน้าประหลาดใจระคนยินดี
อินชิงเสวียนยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ขอบคุณองค์หญิงที่ถามถึง ทุกอย่างเรียบร้อยดี เสด็จพี่ของเจ้าอยู่ข้างในหรือไม่”
เย่ไห่ถังไอแห้งๆ
“เอ่อ...เสด็จพี่ไม่อยู่ ถ้าเสด็จพี่สะใภ้ไม่มีอะไรทำก็เชิญไปนั่งเล่นกับข้าสักครู่ ข้าเพิ่งเรียนการทำอาหารมา อยากให้เสด็จพี่สะใภ้ได้ลองชิม”
ว่าแล้วเย่ไห่ถังก็ลากอินชิงเสวียนเดินออกไปที่ประตู
เด็กสาวไม่มีการอ้อมค้อม ในใจคิดอย่างไรก็แสดงสีหน้าออกมาหมด เมื่อมองดูใบหน้าที่กังวลของนาง อินชิงเสวียนก็รู้อยู่แล้วว่านางกำลังคิดอะไรอยู่
“เสด็จพี่ของเจ้าไปที่หอซีอวิ๋นใช่หรือไม่”
เย่ไห่ถังอ้าปากค้างอย่างตกใจ
“เอ่อ ท่าน ท่านทราบได้อย่างไร”
จริงด้วย เย่จิ่งอวี้ถูกนังจิ้งจอกจูอวี้เหยียนควบคุมด้วยกู่อีกแล้ว
อินชิงเสวียนพูดเรียบๆ “ข้าเดาได้ ไม่ต้องกังวล ตอนนี้ข้าอยู่ในอารมณ์ที่สงบมาก องค์หญิงไม่ต้องห่วง”
เย่ไห่ถังเหลือบมองสีหน้าของอินชิงเสวียน และพูดอย่างระมัดระวัง “เสด็จพี่ต้องไปที่หอซีอวิ๋นเพื่อกระชับความสัมพันธ์กับเจียงวูให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น เสด็จพี่สะใภ้อย่าคิดมากนะเจ้าคะ”
อินชิงเสวียนยิ้ม
“ไม่ต้องห่วง ข้าไม่คิดมากหรอก”
เย่ไห่ถังแลบลิ้น แล้วถามว่า “เสด็จพี่สะใภ้ไม่โกรธจริงหรือ”
ไม่โกรธ จะเป็นไปได้อย่างไร
อินชิงเสวียนไม่ใช่คนที่มีความอดทนเป็นพิเศษ นางปล่อยให้ยืดเยื้อมาหลายวันโดยไม่มีผลใดๆ นางไม่ต้องการรออีกต่อไป นางจะไปที่เย่จั้นพรุ่งนี้ ให้เขาหลอกเย่จิ่งอวี้ออกจากวัง พอถึงเวลานั้น นางจะลงมือกับจูอวี้เหยียน
นางไม่เชื่อว่า เมื่อชีวิตคับขัน จูอวี้เหยียนจะยังเห็นแก่กู่โดยไม่สนใจชีวิตตัวเองอีก
ขณะที่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้น ได้ยินเสี่ยวอานจื่อพูดว่า “พระสนม ถึงหอซีอวิ๋นแล้ว”
อินชิงเสวียนรู้สึกตัว ยกกระโปรงขึ้นแล้วเดินเข้าไป
หอซีอวิ๋นไม่ใหญ่นัก ทางเดินก็สั้นมาก ทันทีที่เข้าไปในประตู ก็ได้ยินเสียงร้องเพลงที่แปลกใหม่ดังขึ้น
นังแม่มดเหล่านี้มีชีวิตที่สะดวกสบายมากจริงๆ
ขันทีและนางกำนัลที่ประตูทำความเคารพอินชิงเสวียนทันที อินชิงเสวียนโบกมือส่งสัญญาณให้พวกเขาออกไป
ทันทีที่เข้าไปในประตู ก็เห็นเย่จิ่งอวี้นั่งดื่มชาบนเก้าอี้ สีหน้าของเขาสงบ ไม่ต่างไปจากเมื่อก่อน
ดวงตาของคนทั้งสองสบกัน อินชิงเสวียนมองเห็นความแปลกแยกในดวงตาคู่นั้น
“เสวียนเอ๋อร์ ทำไมเจ้าถึงมาที่นี่ได้”
จูอวี้เหยียนกำลังร้องเพลงเต้นรำ บิดและหมุนตัวอย่างมีความสุข เมื่อเห็นอินชิงเสวียน ดวงตาของนางก็เย็นลง แล้วโค้งคำนับทันที “หม่อมฉันถวายพระพรกุ้ยเฟยเพคะ”
อินชิงเสวียนไม่ได้มองนาง ดวงตาของนางจับจ้องไปที่ใบหน้าของเย่จิ่งอวี้อยู่ตลอดเวลา
“ได้ยินว่าฝ่าบาทไปที่ตำหนักจินหวู ไม่ทราบว่ามีธุระอะไรหรือไม่”
เย่จิ่งอวี้มองไปที่อินชิงเสวียน พูดด้วยน้ำเสียงสงบ “ข้าอยากจะถามเสวียนเอ๋อร์เกี่ยวกับสำนักศึกษาหลวง แต่เมื่อเห็นเสวียนเอ๋อร์ยังไม่ได้กลับตำหนัก ข้าจึงออกมา”
“หม่อมฉันก็อยากคุยกับฝ่าบาทเกี่ยวกับสำนักศึกษาหลวงด้วย หากฝ่าบาทมีเวลาว่าง โปรดตามหม่อมฉันไปที่ตำหนักจินหวู”
เย่จิ่งอวี้เงียบไปสักพักแล้วกล่าวว่า
“ก็ได้”
จูอวี้เหยียนรีบมาขวางทางเย่จิ่งอวี้ทันที
“ฝ่าบาท การเต้นรำของหม่อมฉันยังไม่จบเลยนะเพคะ”
แววตาของอินชิงเสวียนเยียบเย็น แล้วนางก็ตบหน้าฉาดใหญ่
“เป็นแค่คนชั้นต่ำ กล้าขัดขวางฝ่าบาทไม่ให้จัดการกิจการบ้านเมือง หาเรื่องโดนตบเสียแล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...