สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 507

บนถนนสายยาว อินชิงเสวียนเดินทางอย่างเชื่องช้า

เมื่อเข้าใกล้วัง จู่ๆ ก็รู้สึกหงุดหงิด

ไม่รู้ว่าจะสามารถกำจัดพิษกู่นี้ได้เมื่อไหร่ วันหนึ่งเย่‍จิ่ง‍อวี้จะจำตัวเองไม่ได้หรือไม่

พอคิดถึงกวนเซี่ยวที่รู้เรื่องนี้แต่ไม่รายงาน ก็รู้สึกอัดอั้นตันใจมากยิ่งขึ้น

เมื่อเห็นว่าอินชิงเสวียนไม่มีความสุข อวิ๋นฉ่ายจึงพูดว่า “พระสนม ท่านกังวลใจหรือเพคะ”

“ไม่มีอะไร ข้ากำลังคิดว่ามื้อเย็นจะกินอะไรดี”

เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องสำคัญ เด็กสาวอย่างอวิ๋นฉ่ายไม่สามารถแก้ไขได้แน่นอน พูดคุยกับนางก็คงไม่ช่วยอะไร รังแต่จะเพิ่มปัญหาเท่านั้น

อวิ๋นฉ่ายคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “หม่อมฉันจะทำขนมเปี๊ยะไส้น้ำตาลให้พระสนมดีกว่า ได้ยินคนพูดว่าการกินของหวานจะทำให้คนมีความสุข”

“ข้าก็เคยได้ยินคำพูดนี้เหมือนกัน แต่ไม่เอาดีกว่า กินหวานมากไปจะทำให้อ้วน มากินหม้อไฟกันดีกว่า”

เมื่อเข้าสู่ช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงแล้วอุณหภูมิก็ค่อยๆ ลดลง หลังจากพระอาทิตย์ตกดินแล้วอากาศก็ยังค่อนข้างเย็น

อวิ๋นฉ่ายพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ได้เพคะ กลับตำหนักแล้วหม่อมฉันจะเตรียมวัตถุดิบให้เอง”

ขณะที่พูด อินชิงเสวียนก็มาถึงประตูวัง นางลงจากหลังม้า แล้วส่งหนิงซวงให้กับฉินเทียน

ยายหลี่กำลังรออยู่หน้าตำหนักจินหวู เมื่อนางเห็นเสี่ยว‍หนาน‍เฟิงนางก็รีบเอื้อมมือไปอุ้มขึ้นมา

“องค์ชายน้อยกลับมาแล้ว หม่อมฉันคิดถึงแทบแย่”

เสี่ยว‍หนาน‍เฟิงยื่นมือออกทันที แล้วชี้ไปที่จมูกของยายหลี่

“คิดถึง”

ยายหลี่จูบมือเล็กๆ ของเขา

“องค์ชายน้อยเด็กดี”

จากนั้นก็พูดกับอินชิงเสวียน “พระสนม ฝ่าบาทเสด็จมาที่นี่ตั้งแต่สิบห้านาทีก่อนแล้วเพคะ”

อินชิงเสวียนถามขณะที่กำลังเดิน “ฝ่าบาทมาทำอะไรที่นี่”

“หม่อมฉันก็ไม่ทราบ ถามว่าพระสนมกลับมาหรือยัง หม่อมฉันบอกว่ายังไม่กลับ ฝ่าบาทก็เสด็จออกไป”

อินชิงเสวียนหันกลับมาแล้วถามว่า “ไม่ได้พูดอะไรเลยหรือ”

ยายหลี่พูดว่า “ไม่ได้พูดอะไรเลย”

อินชิงเสวียนร้องอ้อรับเบาๆ แล้วพูดว่า “ข้ารู้แล้ว”

เมื่อมาถึงทางเข้าห้องโถงกลาง แต่ก็เป็นกังวลว่าเย่‍จิ่ง‍อวี้มาหาตัวเองเพราะมีธุระอะไร จึงเรียกเสี่ยวอานจื่อแล้วไปที่ห้องหนังสือ

ขันทีที่อยู่นอกประตำแเห็นอินชิงเสวียนมาก็รีบคุกเข่าน้อมทักทาย แต่ก็เห็นองค์หญิงเย่ไห่ถังเดินออกมาพอดี

“เสด็จพี่สะใภ้ ท่านกลับวังแล้ว แม่ทัพน้อยอิน...สบายดีหรือไม่”

เย่ไห่ถังมีสีหน้าประหลาดใจระคนยินดี

อินชิงเสวียนยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ขอบคุณองค์หญิงที่ถามถึง ทุกอย่างเรียบร้อยดี เสด็จพี่ของเจ้าอยู่ข้างในหรือไม่”

เย่ไห่ถังไอแห้งๆ

“เอ่อ...เสด็จพี่ไม่อยู่ ถ้าเสด็จพี่สะใภ้ไม่มีอะไรทำก็เชิญไปนั่งเล่นกับข้าสักครู่ ข้าเพิ่งเรียนการทำอาหารมา อยากให้เสด็จพี่สะใภ้ได้ลองชิม”

ว่าแล้วเย่ไห่ถังก็ลากอินชิงเสวียนเดินออกไปที่ประตู

เด็กสาวไม่มีการอ้อมค้อม ในใจคิดอย่างไรก็แสดงสีหน้าออกมาหมด เมื่อมองดูใบหน้าที่กังวลของนาง อินชิงเสวียนก็รู้อยู่แล้วว่านางกำลังคิดอะไรอยู่

“เสด็จพี่ของเจ้าไปที่หอซีอวิ๋นใช่หรือไม่”

เย่ไห่ถังอ้าปากค้างอย่างตกใจ

“เอ่อ ท่าน ท่านทราบได้อย่างไร”

จริงด้วย เย่‍จิ่ง‍อวี้ถูกนังจิ้งจอกจูอวี้เหยียนควบคุมด้วยกู่อีกแล้ว

อินชิงเสวียนพูดเรียบๆ “ข้าเดาได้ ไม่ต้องกังวล ตอนนี้ข้าอยู่ในอารมณ์ที่สงบมาก องค์หญิงไม่ต้องห่วง”

เย่ไห่ถังเหลือบมองสีหน้าของอินชิงเสวียน และพูดอย่างระมัดระวัง “เสด็จพี่ต้องไปที่หอซีอวิ๋นเพื่อกระชับความสัมพันธ์กับเจียงวูให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น เสด็จพี่สะใภ้อย่าคิดมากนะเจ้าคะ”

อินชิงเสวียนยิ้ม

“ไม่ต้องห่วง ข้าไม่คิดมากหรอก”

เย่ไห่ถังแลบลิ้น แล้วถามว่า “เสด็จพี่สะใภ้ไม่โกรธจริงหรือ”

ไม่โกรธ จะเป็นไปได้อย่างไร

อินชิงเสวียนไม่ใช่คนที่มีความอดทนเป็นพิเศษ นางปล่อยให้ยืดเยื้อมาหลายวันโดยไม่มีผลใดๆ นางไม่ต้องการรออีกต่อไป นางจะไปที่เย่จั้นพรุ่งนี้ ให้เขาหลอกเย่‍จิ่ง‍อวี้ออกจากวัง พอถึงเวลานั้น นางจะลงมือกับจูอวี้เหยียน

นางไม่เชื่อว่า เมื่อชีวิตคับขัน จูอวี้เหยียนจะยังเห็นแก่กู่โดยไม่สนใจชีวิตตัวเองอีก

ขณะที่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้น ได้ยินเสี่ยวอานจื่อพูดว่า “พระสนม ถึงหอซีอวิ๋นแล้ว”

อินชิงเสวียนรู้สึกตัว ยกกระโปรงขึ้นแล้วเดินเข้าไป

หอซีอวิ๋นไม่ใหญ่นัก ทางเดินก็สั้นมาก ทันทีที่เข้าไปในประตู ก็ได้ยินเสียงร้องเพลงที่แปลกใหม่ดังขึ้น

นังแม่มดเหล่านี้มีชีวิตที่สะดวกสบายมากจริงๆ

ขันทีและนางกำนัลที่ประตูทำความเคารพอินชิงเสวียนทันที อินชิงเสวียนโบกมือส่งสัญญาณให้พวกเขาออกไป

ทันทีที่เข้าไปในประตู ก็เห็นเย่‍จิ่ง‍อวี้นั่งดื่มชาบนเก้าอี้ สีหน้าของเขาสงบ ไม่ต่างไปจากเมื่อก่อน

ดวงตาของคนทั้งสองสบกัน อินชิงเสวียนมองเห็นความแปลกแยกในดวงตาคู่นั้น

“เสวียน‍เอ๋อร์ ทำไมเจ้าถึงมาที่นี่ได้”

จูอวี้เหยียนกำลังร้องเพลงเต้นรำ บิดและหมุนตัวอย่างมีความสุข เมื่อเห็นอินชิงเสวียน ดวงตาของนางก็เย็นลง แล้วโค้งคำนับทันที “หม่อมฉันถวายพระพรกุ้ยเฟยเพคะ”

อินชิงเสวียนไม่ได้มองนาง ดวงตาของนางจับจ้องไปที่ใบหน้าของเย่‍จิ่ง‍อวี้อยู่ตลอดเวลา

“ได้ยินว่าฝ่าบาทไปที่ตำหนักจินหวู ไม่ทราบว่ามีธุระอะไรหรือไม่”

เย่‍จิ่ง‍อวี้มองไปที่อินชิงเสวียน พูดด้วยน้ำเสียงสงบ “ข้าอยากจะถามเสวียน‍เอ๋อร์เกี่ยวกับสำนักศึกษาหลวง แต่เมื่อเห็นเสวียน‍เอ๋อร์ยังไม่ได้กลับตำหนัก ข้าจึงออกมา”

“หม่อมฉันก็อยากคุยกับฝ่าบาทเกี่ยวกับสำนักศึกษาหลวงด้วย หากฝ่าบาทมีเวลาว่าง โปรดตามหม่อมฉันไปที่ตำหนักจินหวู”

เย่‍จิ่ง‍อวี้เงียบไปสักพักแล้วกล่าวว่า

“ก็ได้”

จูอวี้เหยียนรีบมาขวางทางเย่‍จิ่ง‍อวี้ทันที

“ฝ่าบาท การเต้นรำของหม่อมฉันยังไม่จบเลยนะเพคะ”

แววตาของอินชิงเสวียนเยียบเย็น แล้วนางก็ตบหน้าฉาดใหญ่

“เป็นแค่คนชั้นต่ำ กล้าขัดขวางฝ่าบาทไม่ให้จัดการกิจการบ้านเมือง หาเรื่องโดนตบเสียแล้ว”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์