“เสวียนเอ๋อร์ เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร”
เย่จิ่งอวี้ตกใจ
ขณะที่เขากำลังพูด ทักษะวรยุทธ์ยังคงคล่องแคล่ว เขาตีลังกากลับหลังกระโดดขึ้นจากเก้าอี้ตัวยาว
อินชิงเสวียนซัดฝ่าโดนอากาศ จึงซัดฝ่ามือใส่อีกครั้ง
เย่จิ่งอวี้พูดด้วยความโกรธ “บังอาจ เจ้าเป็นใคร ทำไมเจ้าถึงหลอมตัวเป็นเสวียนเอ๋อร์”
อินชิงเสวียนพูดอย่างสงบ “หม่อมฉันไม่ใช่คนปลอมตัว หม่อมฉันคืออินชิงเสวียนตัวจริง เพื่อพระวรกายของฝ่าบาท โปรดให้ความร่วมมือด้วย”
เย่จิ่งอวี้ขมวดคิ้วและพูดว่า “เหลวไหล ร่างกายของข้าไม่เป็นอะไร ในเมื่อเจ้าคือตัวจริง ก็รีบหยุดซะ”
ก่อนที่เขาจะพูดจบ เย่จั้นก็เดินเข้ามาจากประตู
“ฝ่าบาท ล่วงเกินแล้ว”
เขางอนิ้ว และคว้ากระดูกไหปลาร้าของเย่จิ่งอวี้ไว้
เย่จิ่งอวี้สับสนงุนงงไปหมด
สองคนนี้ใกล้ชิดกับเขามากที่สุด แต่ตอนนี้กลับกำลังร่วมมือกันสู้กับเขา เรียวตาหงส์ฉายแววเกรี้ยวกราดเป็นประกายวาวโรจน์ นัยน์ตาเย็นเฉียบ
“เสด็จอา ท่านก็บ้าเหมือนกันหรือ”
การโจมตีของอินชิงเสวียนยังไม่หยุด และวิชาฝ่ามือของนางก็เร็วขึ้นเรื่อยๆ
“เป็นฝ่าบาทที่บ้าไปแล้ว เรากำลังช่วยชีวิตท่านอยู่ บางขั้นตอนอาจจะเจ็บปวดเล็กน้อย แต่หม่อมฉันเชื่อว่าฝ่าบาทจะทนได้”
เย่จั้นออกกระบวนท่าต่อเนื่อง
“หากพระวรกายของฝ่าบาทสามารถรักษาจนหายแล้ว กระหม่อมจะไปขอรับผิดเอง แล้วแต่ฝ่าบาทจะลงโทษ”
“บ้าไปแล้ว พวกเจ้าบ้าไปหมดแล้ว”
เย่จิ่งอวี้ไม่ต้องการลงมือหนักๆ กับทั้งสอง แต่จะทเช่นไรได้เพราะพวกเขากดดันขนาดนี้ เพียงชั่วพริบตา เย่จิ่งอวี้ก็ถูกบังคับให้จนมุม ใบหน้าหล่อเหลาก็ปรากฏความโกรธจางๆ
“อย่าบังคับข้า ความอดทนของข้ามีจำกัด”
อินชิงเสวียนรู้ว่าโน้มน้าวใจเย่จิ่งอวี้ไปก็ไร้ประโยชน์ ก่อนหน้านี้นางเคยเปิดภาพเคลื่อนไหวที่บันทึกให้เย่จิ่งอวี้เห็นแล้ว แต่เขาก็ลืมทั้งหมดภายในไม่กี่วัน ตอนนี้แม้จะบอกว่าเขาถูกเสกกู่ใส่ เขาก็ไม่เชื่อ ดังนั้นจึงต้องจับตัวเขาไว้ก่อน แล้วจึงดำเนินการตามแผนของตนเอง
“หม่อมฉันก็เหมือนกับท่านอ๋อง ยินดีรับโทษ ขอได้โปรดอย่าขัดขืนเลยเพคะ”
“บังอาจ พวกเจ้าจะกบฏหรือ”
พวกเขาทั้งสองช่วยกันกดดันจนเย่จิ่งอวี้ไม่สามารถหลบหลีกได้ ความโกรธในใจก็ไม่สามารถระงับได้อีกต่อไป
อย่างไรก็ตาม ฝนตกตลอดทั้งคืน เย่จิ่งอวี้ก็เริ่มปวดศีรษะขึ้นอีก ราวกับว่ามีบางอย่างกำลังเจาะทะลุกะโหลกศีรษะ และจะออกมาจากสมองก็ไม่ปาน
เขาขมวดคิ้ว กัดฟันอดทน รวบรวมกำลังทั้งหมดไว้ที่ฝ่ามือ แล้วกระแทกออกไป
อินชิงเสวียนใช้ความเร็วมิติ นางเคลื่อนไหวราวกับภูตผี ก้าวถอยหลังไปสามฉื่อ เย่จั้นก็ดึงตัวออกมาอยู่ข้างๆ เพื่อหลบเลี่ยงฝ่ามือของเย่จิ่งอวี้
เย่จิ่งอวี้เขย่งปลายเท้าขึ้น เขาเหาะขึ้นจากพื้น มุ่งตรงไปที่ประตู อินชิงเสวียนเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว คว้าข้อเท้าของเย่จิ่งอวี้ไว้ได้ทัน
“ลงมา!”
พลังอันหนักหน่วงมาจากมือของอินชิงเสวียน เย่จิ่งอวี้ก็ถูกดึงลง
รูม่านตาของเย่จั้นหดตัวพลัน เขาเคยเห็นอินชิงเสวียนใช้วรยุทธ์มาก่อน แต่ในเวลานั้นดูเหมือนว่านางจะใช้แค่กำลังที่ป่าเถื่อนเท่านั้น ไม่ได้เห็นแค่ไม่กี่วัน แต่นางแตกต่างไปจากเมื่อก่อนมาก...
ในชั่วพริบตา เย่จิ่งอวี้ก็ถูกดึงลงไปที่พื้น เย่จั้นก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว และฉวยโอกาสนี้แตะจี้สกัดจุดของเย่จิ่งอวี้
เย่จิ่งอวี้เหลือบมองอินชิงเสวียนอย่างไม่ยินยอม จากนั้นล้มตัวอ่อนทับตัวเย่จั้น
เมื่อมองไปที่หลานชายที่หมดสติของเขา เย่จั้นก็ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้
“กุ้ยเฟยเคยคิดถึงผลที่ตามมาได้หรือไม่ ถ้าฝ่าบาทฟื้นขึ้นมา ถามหาความรับผิดชอบเรื่องนี้...”
อินชิงเสวียนพูดอย่างสงบ “ท่านอ๋องไม่ต้องกังวล ข้าจะรับผิดชอบเรื่องนี้อย่างเต็มที่”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ยังอัพไม่จบเลย หลายเรื่องเลย อัพมาครึ่งทางแล้วทำไมหยุดอัพดื้อๆค่ะ...
จะอัพเมื่อไหร่คะ...
มาต่อเร็วๆนะแอด...
หยุดอีกแล้ว...
กระหม่อม หม่อมฉัน สลับมั่วไปหมด...
มาอ่านต่อกันเร็วๆ แอดกลับมาอัพต่อแล้ว ขอบคุณค่ะ...
สนุกมาก น่าติดตามมาก เขียนและแปลได้ดีจริงๆ ดีใจที่กลับมาลงต่อ อัพเดตเรื่อยๆ วันละหลายๆ ตอน นะคะ...
หยุดชะงักลงตรงบทนี้ ต่อหรือพอเพียงแค่นี้😁...
หยุดแค่นี้หรือไปต่อ😁...
อัพต่อรออยู่ค่ะ...