เป่าเล่อเอ่อร์ดีใจในทันที กล่าวขอบคุณซ้ำๆ
“ขอบคุณพี่สาว ขอบคุณพี่สาว”
สตรีคนนั้นพ่นควันใส่นาง แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องเกรงใจ มีรถม้าอยู่ข้างหลัง เจ้าขึ้นไปนั่งเองนะ”
เป่าเล่อเอ่อร์พยักหน้าอย่างตื่นเต้น กระโดดขึ้นไปบนรถม้า
หญิงสาวหันกลับไปมองดูนาง ท่าทางคล่องแคล่วดี ต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิด ของดีเช่นนี้ หากหลุดลอยไปคงจะน่าเสียดายแย่
นางขยิบตา สองคนที่ดูเหมือนผู้คุ้มกันก็ชะลอความเร็วลงทันที ลงมาเดินข้างรถม้าที่เป่าเล่อเอ่อร์นั่ง...
ณ เมืองหลวง
การประชุมเช้าสิ้นสุดลงแล้ว จิ่งอวี้กำลังนั่งเกี้ยวพระที่นั่งมังกรไปยังวังหลัง
ระหว่างทางเขาหน้านิ่วคิ้วขมวด ใบหน้ามืดมน
ตอนที่ฮ่องเต้องค์ก่อนยังครองราชย์ ไม่มีการสานความสัมพันธ์ทางการฑูตกับแคว้นอื่น ส่งผลให้ขาดข้อมูล ข้าราชบริพารมุ่งแต่เรื่องที่อยู่ตรงหน้าเท่านั้น ไม่มีใครออกไปหาความรู้ ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะมีคนรู้ภาษาคนเตี้ยเหล่านั้น
พอคิดว่ายังมีปลาหลายตัวที่ลอดอวนได้ เย่จิ่งอวี้รู้สึกไม่สบายใจ
เมื่อกลับมาถึงห้องหนังสือ เจวี๋ยอิ่งก็รออยู่ในห้องแล้ว
“กระหม่อมถวายบังคมฝ่าบาท”
เย่จิ่งอวี้กางเสื้อคลุม และนั่งลงบนเก้าอี้มังกร
“ลุกขึ้นเถิด อาการบาดเจ็บของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”
เจวี๋ยอิ่งกล่าวอย่างพินอบพิเทาว่า “กระหม่อมหายเป็นปกติแล้ว ได้ยินมาว่าฝ่าบาทจับคนตัวเตี้ยได้ กระหม่อมสงสัยว่าคนผู้นี้เกี่ยวข้องกับคดีผู้ชรา วันนั้นกระหม่อมล้อมจับคนเหล่านี้ไว้ พวกเขาล้วนเป็นคนตัวเตี้ย”
“โอ้?” เย่จิ่งอวี้ลืมตาขึ้น “งั้นเจ้าเอาป้ายตราคำสั่งของข้าไปตรวจดูที่คุกหลวง”
“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมน้อมรับบัญชา”
ขณะที่เจวี๋ยอิ่งจากไป หลี่เต๋อฝูก็วิ่งเข้ามาจากด้านนอก
“ฝ่าบาท ผู้รับใช้ของใต้เท้าลู่และใต้เท้าจังรายงานว่า ใต้เท้าทั้งสองออกมาประชุมเช้านานแล้ว แต่จนป่านนี้ยังไม่มีใครพบเห็นพวกเขา”
“บางทีเจ้าอาจจะออกไปดื่มสุราข้างนอก ไม่ต้องตื่นตูมขนาดนั้น เอาชุดลำลองมาผลัดให้ข้าที”
เมื่อเห็นสีหน้ารำคาญของฝ่าบาท หลี่เต๋อฝูก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก เขารีบสั่งให้คนนำชุดลำลองมาให้เขา ถอดมาลามงกุฎออกให้เย่จิ่งอวี้ แล้วไปฝนหมึกอยู่ข้างๆ
เย่จิ่งอวี้หยิบพู่กันขึ้นมาตรวจฎีกา ในห้องจึงมีเพียงเสียงกรอบแกรบของการตวัดพู่กัน
บัดนี้การถวายฎีกาได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นแล้ว เนื่องจากความสำเร็จในการผลิตกระดาษ เย่จิ่งอวี้จึงสั่งให้ใช้กระดาษทดแทนม้วนไม้ไผ่ ซึ่งสะดวกมาก
เพียงแต่กระดาษนี้แตกต่างจากกระดาษสีขาวที่อินชิงเสวียนนำออกมามาก ฝีมือค่อนข้างหยาบ เนื้อกระดาษก็ไม่ละเอียดมากนัก
ฉินไห่ฉิวรายงานในวันนี้ ว่ายังต้องปรับปรุงอีก เชื่อว่าในอนาคตอันใกล้นี้ กระดาษในของต้าโจวจะได้รับการปรับปรุงและเผยแพร่ไปทั่วหล้า
เมื่อคิดว่าทั้งหมดนี้เป็นผลงานของอินชิงเสวียน เย่จิ่งอ ก็ยิ่งกังวลเรื่องความปลอดภัยของนางมากขึ้น ไม่ว่าต้องทุ่มเทมากเพียงใด เขาก็จะจับตัวคนแคระที่ไม่ทราบที่มาเหล่านี้ทั้งหมดให้ได้
ในขณะที่เย่จิ่งอวี้กำลังคิดอยู่นั้น อินชิงเสวียนยังคงรอเย่จิ่งหลานอยู่
เป็นเวลากว่าหนึ่งชั่วยามแล้ว เย่จิ่งหลานควรมาถึงนานแล้ว แต่ทำไมจึงยังไม่มีวี่แววจากเขาอีก
ถึงเขาไม่อยากมา อย่างไรก็ต้องส่งคนมาบอก แต่นี่ทำไมไม่มีแม้แต่จดหมาย จะไม่ผิดปกติไปหน่อยหรือ
นางเรียกองครักษ์อีกคน เขาไปยังจวนฝูอี้อ๋องโดยด่วน
ในเวลานี้ เย่จิ่งหลานกำลังพิงเก้าอี้โยกที่สร้างขึ้นใหม่ พ่นควันบุหรี่ออกมา
ที่ยืนอยู่ข้างๆ เขามีชายคนหนึ่งแต่งตัวเป็นองครักษ์ หน้าตาท่าทางดุร้ายราวกับเสือดาวก็ไม่ปาน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...
คนที่แสดงตัวเป็นพี่ใหญ่ไม่น่าจะเป็นตัวจริงเพราะมีพฤติกรรมลับลมคมในเรื่องต่างๆและทำให้เรื่องต่างๆแย่ลง เหมือนว่าจะหลงรักน้องสาวตัวเองเลยไม่รู้ว่าเป็นน้องแท้ๆหรือเปล่า...
มีคนเล่นตุกติกกับชุดของเด็กแล้วอยู่ในวังต้องระมัดระวังก็รู้อยู่นะคราวนี้ผ่านมาทางคนที่สนิท...
ดีจริงแทนที่จะเสียคะแนนได้คะแนนมาเพิ่มอีก...
ทางด้านกลยุทธ์น่าจะได้แต่ทางด้านวรยุทธหรือพละกำลังน่าจะไม่ไหวดังนั้นต้องพิสูจน์ตัวเอง...
อายุยังไม่ทันถึง 6 เดือนเลยละมั้งทำไมพูดคุยได้แล้วเก่งจริง...
โกหกครั้งหนึ่งก็ต้องโกหกต่อๆไป...
ความแตกแล้วมั้งเนี่ย...
เกือบไปแล้ว...