สิ่งที่อินชิงเสวียนเสนอขึ้นมาสอดคล้องกับความคิดของเย่จิ่งอวี้พอดี ตราบใดที่สามารถจับคนเหล่านี้ได้ ต่อให้ต้องทุ่มเทอะไรไปก็คุ้มค่า
ยามนี้มีผู้สูงอายุเสียชีวิตจำนวนมาก เกิดข่าวลือมากมายและการคาดเดาไปต่างๆ นานา เขาซึ่งอยู่ในฐานะจักรพรรดิ ควรให้คำอธิบายแก่ราษฎร
เมื่อได้ยินว่าอินชิงเสวียนกำลังจะใช้เครื่องมือติดตาม เย่จิ่งอวี้ก็รู้สึกประหลาดใจอย่างมาก
แม้ว่าเขาจะมีภูมิคุ้มกันจากสิ่งแปลกๆ พิลึกพิลั่นทุกประเภทที่อินชิงเสวียนนำออกมาแล้วก็ตาม แต่ถึงกระนั้นก็ไม่คิดว่า แม่หนูนี่จะมีของที่ดีเช่นนี้
“ของสิ่งนี้สามารถผลิตจำนวนมากได้หรือไม่”
“ด้วยระดับเทคโนโลยีของเราในปัจจุบันยังยากที่จะผลิตได้เพคะ แต่ถ้าเทคโนโลยีพัฒนาไปถึงระดับหนึ่ง ก็สามารถเป็นไปได้”
เย่จิ่งอวี้ถามอีกครั้ง “เทคโนโลยีคืออะไร”
อินชิงเสวียนคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดว่า “เทคโนโลยีครอบคลุมหลากหลาย รวมถึงการผลิตพลังงานไฟฟ้า การทำงานของเครื่องจักร ยังมีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จำนวนหนึ่ง กล่าวโดยสรุป ระดับความรู้ความสามารถในปัจจุบันยังไม่เพียงพอ แต่ถ้าเหล่าบัณฑิตสามารถเรียนรู้คณิตศาสตร์ เคมี ฟิสิกส์ได้เป็นอย่างดี บางทีพวกเขาอาจจะสร้างสิ่งที่ฝ่าบาทคาดไม่ถึงก็ได้”
เย่จิ่งอวี้รู้สึกสนใจอยู่มิวาย
“แล้วไฟฟ้าคือสิ่งใด”
“ไฟฟ้าเป็นพลังงานชนิดหนึ่ง ที่พบบ่อยที่สุดคือฟ้าแลบฟ้าผ่าที่ปรากฏบนท้องฟ้าในช่วงฝนตกฟ้าร้อง หากสามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้จะสะดวกมาก อย่างเช่นเทียนไขที่ใช้อยู่ในตอนนี้ ก็สามารถใช้ไฟฟ้ามาทดแทนได้”
อินชิงเสวียนหยิบโคมไฟแบบพกพาที่นางแลกเปลี่ยนในมิติออกมา กดปุ่มเปิด ทันใดนั้นปรากฏแสงสว่างออกมา
เย่จิ่งอวี้อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ สิ่งนี้สว่างกว่าเทียนไขมาก
อินชิงเสวียนชี้ไปที่โคมไฟ แล้วแนะนำอย่างอดทน “นี่คือแรงแม่เหล็กไฟฟ้า ถือได้ว่าเป็นไฟฟ้าชนิดหนึ่ง ล้วนแลกมาจากร้านค้าแลกเปลี่ยนในมิติ ที่ไม่เคยนำออกมามาก่อนหน้านี้ เพราะหม่อมฉันคิดว่ายากที่จะอธิบาย บัดนี้ฝ่าบาทรู้แล้ว หม่อมฉันจะไม่ปิดบังอีกต่อไป หากฝ่าบาทชอบ ก็นำไปไว้ที่ห้องหนังสือได้เพคะ จะได้สะดวกแก่การตรวจฎีกาด้วย”
เมื่อได้ยินอินชิงเสวียนเอ่ยถึงมิติ เย่จิ่งอวี้ก็นึกถึงเสียงที่เขาได้ยินตอนอยู่ข้างใน
“ไม่ทราบว่ามิติจะสะดวกให้เข้าไปได้หรือไม่”
“แน่นอนเพคะ ประเดี๋ยวหม่อมฉันพารับฝ่าบาทเข้าไป แล้วเรื่องของหวังซุ่น ก็เป็นอันตกลงตามนี้ดีหรือไม่”
ครั้นมองสบดวงตาที่เป็นประกายคู่นั้น เย่จิ่งอวี้ก็คลี่ยิ้มอย่างรักใคร่
“เป็นเสวียนเอ๋อร์ที่จับตัวหวังซุ่นได้ ทุกอย่างก็แล้วแต่เสวียนเอ๋อร์จะจัดการ แต่เหตุใดคนกลุ่มนั้นถึงรู้เรื่องพิณการเวก”
อินชิงเสวียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “หม่อมฉันก็ไม่ทราบ บางทีพิณการเวกอาจมีผลในการตรึงกำลังพวกเขาไว้ ดังนั้นคนเหล่านี้จึงมุ่งหมายที่จะเอาไป”
“ก็คงอธิบายได้เช่นนี้แล้ว หากสามารถจับกุมตัวพวกเขาได้เร็วๆ ก็จะได้ไม่ต้องเปลืองเครื่องมือติดตามนี้”
เย่จิ่งอวี้ยังคงรู้สึกว่าน่าเสียดาย หากใช้สิ่งที่สุดยอดเช่นนี้ไปกับหวังซุ่น
อินชิงเสวียนแย้มยิ้ม
“หม่อมฉันยังมีของตัวนี้อยู่ ไม่เป็นไรเพคะ อวิ๋นฉ่าย พาจ้าวเอ๋อร์ออกไป หากข้าไม่ได้สั่ง ผู้ใดก็ห้ามเข้ามา”
อวิ๋นฉ่ายรีบมารับเด็กน้อยไปทันที ทั้งยังปิดประตูให้ทั้งสองคนอย่างรอบคอบ
ทันทีที่อินชิงเสวียนคิด นางก็พาเย่จิ่งอวี้เข้าสู่มิติ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...
คนที่แสดงตัวเป็นพี่ใหญ่ไม่น่าจะเป็นตัวจริงเพราะมีพฤติกรรมลับลมคมในเรื่องต่างๆและทำให้เรื่องต่างๆแย่ลง เหมือนว่าจะหลงรักน้องสาวตัวเองเลยไม่รู้ว่าเป็นน้องแท้ๆหรือเปล่า...
มีคนเล่นตุกติกกับชุดของเด็กแล้วอยู่ในวังต้องระมัดระวังก็รู้อยู่นะคราวนี้ผ่านมาทางคนที่สนิท...
ดีจริงแทนที่จะเสียคะแนนได้คะแนนมาเพิ่มอีก...
ทางด้านกลยุทธ์น่าจะได้แต่ทางด้านวรยุทธหรือพละกำลังน่าจะไม่ไหวดังนั้นต้องพิสูจน์ตัวเอง...
อายุยังไม่ทันถึง 6 เดือนเลยละมั้งทำไมพูดคุยได้แล้วเก่งจริง...
โกหกครั้งหนึ่งก็ต้องโกหกต่อๆไป...
ความแตกแล้วมั้งเนี่ย...
เกือบไปแล้ว...