อินชิงเสวียนตกใจ ทันใดนั้นเองนางก็เหาะถอยหลังกลับไปหลายก้าว
นางไม่ได้ใช้ทักษะการเคลื่อนไหวใดๆ และไม่ได้ใช้ความเร็วของมิติ แต่ยังสามารถเคลื่อนที่ได้รวดเร็วมาก ซึ่งการค้นพบนี้ทำให้อินชิงเสวียนตกใจ
เย่จิ่งอวี้รู้สึกตัวในทันที เก็บฝ่ามือทันใด
“เสวียนเอ๋อร์!”
อินชิงเสวียนลงจอดที่พื้น รู้สึกประหลาดใจ
หรือว่าภายในมิติของนาง นางจะมีอำนาจสามารถควบคุมทุกสิ่งได้?
ถ้าเป็นเช่นนั้น นางก็ไร้คู่ต่อสู้น่ะสิ?
เนื่องจากเย่จิ่งอวี้อยู่ด้วย อินชิงเสวียนจึงไม่สะดวกที่จะทดลอง นางจึงระงับความอยากรู้อยากเห็นไว้ก่อน
“ฝ่าบาทเป็นอะไรรึ”
เย่จิ่งอวี้ลุกขึ้นยืน
เขาถามด้วยความเป็นห่วง “เสวียนเอ๋อร์ไม่เป็นไรนะ”
อินชิงเสวียนยืนมั่นคง ตรวจดูเย่จิ่งอวี้แล้วพูดว่า “ไม่เป็นไร ฝ่าบาทเป็นอะไรไปเพคะ”
คิ้วรูปทรงกระบี่ของเย่จิ่งอวี้ขมวดมุ่น
“ดูเหมือนข้าจะได้เจอเสด็จแม่แล้ว การตายของเสด็จแม่ อาจมีเงื่อนงำอะไรบางอย่าง”
“โอ้? หรือท่านมองเห็นฆาตกรคนอื่น”
อินชิงเสวียนถามอย่างพิศวงงงงวย
เย่จิ่งอวี้เดินไปหาอินชิงเสวียน จับมือของนาง และนั่งบนแท่นหินข้างบ่อน้ำพุวิญญาณ
“ในมโนภาพข้ามองเห็นคนชราผู้หนึ่ง พูดให้ถูกคือ ข้าได้ยินเสียงของเขา เขาต้องการแต่จะฆ่าข้า เป็นเสด็จแม่ที่ร้องไห้อ้อนวอนขอร้องแทนข้า ข้าสงสัย ว่าเขาอาจเป็นฆาตกรที่ฆ่าเสด็จแม่ นางกำนัลฮวาเชียนน่าจะเป็นแพะรับบาป”
“แล้วฝ่าบาทก็เห็นรูปร่างหน้าตาของคนนั้นแล้วหรือ”
“ไม่เห็น ข้าได้ยินแต่เสียงของเขาเท่านั้น เสียงนั้นเข้มงวดดุดันมาก”
เย่จิ่งอวี้ขมวดคิ้ว คล้ายกับว่ากำลังนึกถึงมโนภาพเมื่อครู่นี้
“หรือว่า...จะเกี่ยวข้องกับหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์?”
อินชิงเสวียนคิดถึงตราหยกนั่นอีกครั้ง
เย่จิ่งอวี้เข้าใจความคิดของนางทันที
“ก็อาจเป็นไปได้ ดูเหมือนว่าการค้นหาหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์จะเป็นสิ่งจำเป็นยิ่ง บังเอิญเสด็จอาก็ต้องการตามหาสถานที่นี้เช่นกัน งั้นข้าจะให้เขาไปที่เป่ยไห่ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า”
“อืม”
อินชิงเสวียนยังต้องการทราบว่าเกิดอะไรขึ้นในเป่ยไห่ จำเป็นต้องสืบค้นดูจริงๆ นอกจากนี้ จู่ๆ ท่านอาหญิงของนางก็หายตัวไปเพราะนางสามารถดีดพิณการเวกได้ ใครจะรู้ว่าคนประหลาดเหล่านั้นจะมาตามหาคัวเองอีกคนหรือไม่
แม้ว่าสตรีคนนั้นจะพูดก่อนจากไปว่าจะไม่กลับมาอีก แต่คนจะพูดอะไรก็ได้ จะมาหรือไม่ ใช่ว่าตัวนางจะตัดสินใจอะไรได้
นับตั้งแต่ข้ามมิติมา เกิดเรื่องน้อยใหญ่ไม่ว่างเว้น อินชิงเสวียนก็เริ่มเหนื่อยแล้ว ตอนนี้เสี่ยวหนานเฟิงเติบโตขึ้นทุกวัน นางแค่อยากมีชีวิตที่สงบสุขกับลูกชาย และเพลิดเพลินไปกับความมั่งคั่งและความสูงศักดิ์ของกุ้ยเฟย
เย่จิ่งอวี้ปลุกสติให้แช่มชื่นขึ้น กางแขนไปโอบกอดร่างเล็กของอินชิงเสวียน
“ข้าเชื่อว่าวันหนึ่งทุกอย่างจะกระจ่างขึ้น เราคิดมาไปก็เปล่าประโยชน์ ในเมื่อเข้ามาแล้ว เจ้าก็พาข้าไปเดินชมมิติแสนวิเศษของเสวียนเอ๋อร์นะ!”
“ได้เลย!”
อินชิงเสวียนเอียงคอยิ้ม แววตาสดใสประดุจเด็กสาวผู้น่ารัก
เย่จิ่งอวี้อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ข้าชอบเสวียนเอ๋อร์อย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้ มีชีวิตชีวามากกว่าในวังมาก”
อินชิงเสวียนพูดอย่างช่วยไม่ได้ “ก็หม่อมฉันเป็นกุ้ยเฟยของฝ่าบาท ถ้าขืนเป็นแบบนี้ที่ภายนอก คงถูกคนดูถูกเอา เหล่าบรรดาขุนนางยิ่งวิพากษ์วิจารณ์กันใหญ่ ว่าฝ่าบาทแต่งตั้งกุ้นเฟยที่ไม่ได้รับการอบรม”
เย่จิ่งอวี้บีบมือน้อยอันบอบบางของนางเบาๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ยังอัพไม่จบเลย หลายเรื่องเลย อัพมาครึ่งทางแล้วทำไมหยุดอัพดื้อๆค่ะ...
จะอัพเมื่อไหร่คะ...
มาต่อเร็วๆนะแอด...
หยุดอีกแล้ว...
กระหม่อม หม่อมฉัน สลับมั่วไปหมด...
มาอ่านต่อกันเร็วๆ แอดกลับมาอัพต่อแล้ว ขอบคุณค่ะ...
สนุกมาก น่าติดตามมาก เขียนและแปลได้ดีจริงๆ ดีใจที่กลับมาลงต่อ อัพเดตเรื่อยๆ วันละหลายๆ ตอน นะคะ...
หยุดชะงักลงตรงบทนี้ ต่อหรือพอเพียงแค่นี้😁...
หยุดแค่นี้หรือไปต่อ😁...
อัพต่อรออยู่ค่ะ...