สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 578

อินสิงอวิ๋น พูดอย่างใจเย็น “ราชสำนักมีกฎของราชสำนัก ไม่สามารถยุ่งเกี่ยวได้ แม้ว่าชิงเสวียนจะเป็นน้องสาวแท้ๆ ของข้า แต่ข้าก็บังคับนางไม่ได้ ข้าช่วยเรื่องนี้ไม่ได้จริงๆ หวังว่าสหายจะเข้าใจ ลาก่อน”

เมื่อมองตามหลังอินสิงอวิ๋นไป ใบหน้าของกวนเซี่ยวก็ซีดลงเล็กน้อย

เข้าทางตระกูลอินไม่ได้แล้ว เขาเห็นว่าจูอวี้เหยียนถูกรับตัวออกมาแล้ว แต่ฟางรั่วนั้นไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย กวนเซี่ยวจึงอดทนใจเย็นไม่ได้อีก หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ไปโรงเรียนสอนการต่อสู้

ตอนนี้เขาไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว นอกจากต้องไปขอร้องท่านปู่

ถ้าเขาช่วยฟางรั่วไม่ได้ เขาจะเสียใจไปตลอดชีวิต นี่เป็นสตรีเพียงคนเดียวที่เขาหลงรัก

ทุกครั้งที่เขาคิดว่าฟางรั่วต้องทนทุกข์ทรมานในวัง กวนเซี่ยวก็ร็สึกเจ็บปวดทรมาน

เขามองไปข้างหน้า แล้วเร่งฝีเท้าอีกครั้ง

ในเวลานี้ อินชิงเสวียนได้ออกจากวังแล้ว

เหตุผลที่นางเก็บฟางรั่วไว้ไม่ประหารชีวิตนั้น แท้จริงแล้วเป็นเพราะเห็นแก่ตระกูลกวน

ถ้ากวนเซี่ยวขอร้องผู้เฒ่ากวนจริงๆ นางจะปล่อยฟางรั่วไป ถึงอย่างไรตัวเองก็เคยใช้ประโยชน์จากฟางรั่วครั้งหนึ่ง ด้วยนิสัยของอา‍ซือ‍หลาน ถ้ารู้ว่าฟางรั่วเป็นตัวปลอม เขาต้องทรมานนางอย่างรุนแรงแน่นอน

และตระกูลกวนก็ได้ช่วยเหลือตระกูลอินไว้มากมาย อินชิงเสวียนยังคงไม่ลืมตอนที่จอมพลเฒ่าคุกเข่าลงบนพื้นสนามฝึก เพื่อร้องให้เย่‍จิ่ง‍อวี้ตรวจสอบตระกูลอินโดยละเอียดอีกครั้ง ซึ่งภาพนั้นคือผู้เฒ่าผมสีขาวพลิ้วไหว แผ่นหลังมั่นคงทว่าอ้างว้าง

นอกจากนี้ หากชายชราเห็นด้วยจริงๆ กวนเซี่ยวก็สามารถแต่งกับฟางรั่วได้อย่างเปิดเผย การต้องอยู่อย่างหลบๆ ซ่อนๆ ไม่ใช่ทางเลือกที่ดีเลย หากชายชรารู้เข้า เขาจะไม่ละเว้นเขาอย่างแน่นอน หวังว่ากวนเซี่ยวจะเข้าใจความทุ่มเทของนาง

ขณะนั่งอยู่ในรถม้า อินชิงเสวียนคร่านคิดไปต่างๆ นานา เมื่อนึกถึงจูอวี้เหยียนที่อยู่ก็เหมือนตาย นางก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิด หากไม่จำเป็นจริงๆ นางก็ไม่อยากกลับไปจวนตระกูลอิน

ในเวลานี้ กวนเซี่ยวได้มาถึงโรงเรียนสอนการต่อสู้แล้ว

ฝ่าบาทจัดสรรที่ดินผืนหนึ่งทางตอนใต้ของเมืองเป็นพิเศษ บัดนี้ได้สร้างอาคารอันสง่างามแล้ว ภายในนั้นมีผู้ฝึกยุทธ์หลายสิบคนที่ฝึกฝนวรยุทธ์ในลานบ้าน ดูองอาจห้าวหาญน่ายำอกรงดั่งพยัคฆ์คำรามลม

บางคนก็กำลังทบทวนบทเรียน ถึงยืนอยู่ที่ประตูทางเข้า ก็ยังได้ยินเสียงอ่านดังขึ้น

เมื่อโรงเรียนสอนการต่อสู้เปิดขึ้นครั้งแรก ผู้เฒ่ากวนต้องการให้กวนเซี่ยวมาเรียนที่นี่ด้วย แต่เขาปฏิเสธไป เขามักจะรู้สึกว่าตัวเองเป็นปัญญาชนแล้ว ไม่จำเป็นต้องมาที่สถานที่เช่นนี้เพื่อลดคุณค่าของตัวเอง พอนานวันเข้า ผู้เฒ่ากวนก็ปล่อยเขาไป

เมื่อนึกถึงตรงนี้ กวนเซี่ยวก็เม้มริมฝีปาก มองดูปู่ที่นั่งอยู่บนแท่นสูง เขาจัดแจงเสื้อผ้าให้เรียบร้อย เปิดประตูแล้วเดินเข้าไป

ผู้เฒ่ากวนกำลังมองดูผู้ฝึกยุทธ์ที่อยู่ด้านล่าง ตอนนี้ได้ก่อตั้งโรงเรียนสอนการต่อสู้แห่งนี้ขึ้นแล้ว ซึ่งดีกว่าการสอบแบบคนตาบอดมาก คนเหล่านี้เขาเป็นคนพามาด้วยตัวเอง เขารู้ดีว่าพวกเขามีอารมณ์และนิสัยอย่างไร รู้ว่าใครบ้างที่เหมาะกับการเป็นแม่ทัพ ใครบ้างที่เหมาะกับการเป็นทหาร

ตอนนี้เมื่อเห็นคนเหล่านี้ฝึกซ้อมอย่างเต็มที่ ชายชราก็พอใจมาก อินชิงเสวียนสาวน้อยคนนี้มีวิสัยทัศน์และมองการณ์ไกลมากจริงๆ

นับตั้งแต่นางออกจากวังเย็น ไม่เพียงแต่การดำรงชีวิตของผู้คนเปลี่ยนไปเท่านั้น แต่การสอบเคอจวี่ก็ได้รับการปฏิรูปอย่างช้าๆ นี่เป็นสัญญาณว่าราชสำนักกำลังเฟื่องฟูไม่ต้องสงสัย

หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ภายในเวลาไม่ถึงห้าปี ราษฎรในต้าโจวก็จะสงบสุข กองทัพแข็งแกร่ง บ้านเมืองเจริญรุ่งเรือง

ยิ่งจอมพลเฒ่าคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าใด เขาก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้นเท่านั้น เขาอดไม่ได้ที่จะร้องครางอย่างยินดี จึงไม่ได้ยินลูกน้องมารายงาน

“จอมพลเฒ่า หลานชายของท่านมาขอรับ”

“อ้อ?”

ผู้เฒ่ากวนยืนขึ้นจากเก้าอี้ มองทอดสายตาไปไกล ก็เห็นกวนเซี่ยวยืนอยู่อีกด้าน กำลังมองมาทางนี้

เจ้าเด็กบื้อนี่ ทำไมวันนี้ถึงมาที่นี่ได้ หรือว่าเขาสนใจโรงเรียนสอนการต่อสู้ด้วย?

งั้นก็เป็นเรื่องดี

“เจ้ามาเฝ้าตรงนี้หน่อย ข้าจะไปดู”

หลังจากที่ผู้เฒ่ากวนพูดจบ เขาก็เดินลงจากแท่นสูง แม้ว่าขาและเท้าจะไม่ค่อยดีนัก แต่เขาก็ไม่ได้เดินช้าเลย เพียงพริบตาเดียว เขาก็อยู่ตรงหน้ากวนเซี่ยวแล้ว

“ทำไมวันนี้ถึงคิดถึงที่นี่ได้รึ”

ผู้เฒ่ากวนมองหลานชายด้วยรอยยิ้ม ยามนี้ตระกูลกวนเหลือต้นกล้าเพียงต้นเดียวนี่แล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ดูล้ำค่า

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์