สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 585

แล้วผู้ที่อยู่ตรงข้าม คือผีแคระหลายคนกำลังเฝ้าดูอย่างกระตือรือร้น

นี่คือการต่อสู้ระหว่างยอดฝีมือ ทั้งสองฝ่ายต่างมองหาจุดอ่อนของกันและกัน ที่สามารถสังหารได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว

ในชั่วพริบตา เวลาก็ผ่านไปนานถึงสามสิบนาที

ลมหนาวยามค่ำคืนทำให้เสื้อผ้าของหลายๆ คนส่งเสียงพึ่บพั่บดังขึ้น ไม่เพียงแต่ทุกคนจะไม่เคลื่อนไหว แต่การหายใจยังช้าลงเล็กน้อยอีกด้วย

ในบรรดาคนเหล่านี้ อินปู้อวี่มีนิสัยใจร้อนที่สุด แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เมื่อมีฝ่าบาทองค์ปัจจุบันและท่านอ๋องยืนอยู่ด้วย หากมีแค่พวกเขาสองพี่น้อง อินปู้อวี่คงลงมือไปนานแล้ว พวกนั้นเป็นเพียงคนตัวเตี้ยที่สูงไม่เท่าไหร่ มีอะไรให้กลัว

เมื่อเขาทนไม่ไหวอีกต่อไป สีหน้าของผีแคระที่อยู่ตรงหน้าเขาก็เปลี่ยนไป พูดเป็นภาษาของพวกเขา “มีกลิ่นของสุนัข คนเหล่านี้ต้องมีกำลังเสริม เราต้องรีบจบการต่อสู้โดยระ...”

ยังไม่ทันได้เอ่ยคำว่าเร็ว เย่‍จิ่ง‍อวี้ก็เคลื่อนไหวแล้ว แสงกระบี่นั้นเป็นประกายราวกับน้ำใส ที่ลากแสงอันสุกใสเข้าหาผีแคระหลายตัว

“บากะยาโร่ (ไอ้บ้าเอ้ย)!”

คนหนึ่งสบถสาปแช่ง แล้วร่างก็หายไปทันที อีกคนแยกออกเป็นสองร่าง ยังมีอีกคนที่กลายร่างเป็นสีเขียว เรียกได้ว่าเป็นความสยองขวัญทีเดียว

ผีแคระเหล่านี้ไม่ใช่คนธรรมดา เพียงพริบตาเดียวก็สามารถแสดงทักษะเฉพาะตัวได้ในทันที

เย่‍จิ่ง‍อวี้เดินตรงไปยังชายร่างเตี้ยตัวเขียว รู้สึกว่าเขาต้องเป็นคนมีพิษ เขาเคยดื่มน้ำพุวิญญาณของอินชิงเสวียน จึงไม่กลัวพิษ การจัดการกับคนผู้นี้คงไม่เป็นปัญหา

เมื่อคนผู้นั้นเห็นเย่‍จิ่ง‍อวี้โจมตีเขา เขาไม่หลบไม่หลีก คว้ากระบี่ของเย่‍จิ่ง‍อวี้ด้วยมือทั้งสองข้าง

ปากก็กำลังพึมพำอะไรบางอย่าง ไม่รู้ว่ากำลังพูดอะไร แต่เมื่อพิจารณาจากอาการของเขา น่าจะไม่ใช่คำพูดที่ดีเลย

เย่‍จิ่ง‍อวี้แค่นเสียงหึอย่างเย็นชา

“ตายซะ”

คมกระบี่ตวัด ทันใดนั้นก็เฉือนไปยังข้อมือของชายร่างเตี้ยตัวเขียว

ชายร่างเตี้ยตัวเขียวยังคงไม่ลดละ คว้าคมกระบี่ของเย่‍จิ่ง‍อวี้ไว้

ครั้นกระบี่ยาวปะทะกับนิ้ว ก็มีเสียงกระทบโลหะดังลั่น

รูม่านตาของเย่‍จิ่ง‍อวี้ไหววูบ หรือว่าชายคนนี้มีวิชามือเหล็ก?

กระบี่วิเศษของสามารถตัดเหล็กให้เป็นดินเหนียวได้ แต่กลับไม่สามารถตัดนิ้วของผีแคระผู้นี้ได้ ดูเหมือนว่าเสวียน‍เอ๋อร์จะพูดถูก วรยุทธ์ของผีแคระเหล่านี้แปลกประหลาดมาก

เย่จั้นได้เข้าต่อสู้กับชายร่างเตี้ยที่ใช้วิชาแยกร่าง อาวุธยังคงปะทะกันสนั่น ประกายไฟแปลบปลาบออกมาในคืนที่มืดมิด ปราณกระบี่ของชายทั้งสองประสานกัน ก่อตัวเป็นพายุหมุนขนาดใหญ่ตรงจุดนั้น

ตัวร่างแยกมีความแข็งแกร่งและความเร็วเท่ากับร่างหลัก เท่ากับว่าเย่จั้นต่อสู้หนึ่งต่อสอง หากต้องการชนะนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

ส่วนอินสิงอวิ๋นเผชิญหน้ากับผีแคระที่มีดวงตาสีแดง นอกจากนี้ เขายังเคยชำระวิญญาณล้างไขกระดูกด้วยน้ำพุวิญญาณ วรยุทธ์ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าเย่‍จิ่ง‍อวี้ แต่มักจะรู้สึกว่าถูกอ่านการเคลื่อนไหวและชิงลงมือก่อน ไม่ว่าเขาจะใช้กระบวนท่าใด อีกฝ่ายก็สามารถแก้ตก

นี่เป็นครั้งแรกที่อินสิงอวิ๋นต้องเผชิญกับสถานการณ์การต่อสู้ที่แปลกประหลาดเช่นนี้ เขาถูกควบคุมทุกด้าน จนยากที่จะแสดงทักษะวรยุทธ์

โชคดีที่เขาเป็นคนสุขุมเยือกเย็น ขณะที่กำลังควบคุมการต่อสู้ เขาก็คอยหาจุดอ่อนของคู่ต่อสู้ไปด้วย ไม่รีบร้อนที่จะเอาชนะ แต่ก็ไม่ปล่อยให้ตามหลังจนเกินไป

คนสุดท้ายเป็นคู่ต่อสู้ของอินปู้อวี่กับเจวี๋ยอิ่งที่ร่วมมือกัน คนผู้นี้เคลื่อยนไหวรวดเร็ว มักจะหายไปจากที่เดิม แล้วปรากฏขึ้นจากอีกทิศทางหนึ่ง

เดิมทีอินปู้อวี่รู้สึกไม่พอใจอยู่หน่อยๆ ที่ต้องร่วมมือกับเจวี๋ยอิ่ง แต่เมื่อเริ่มลงมือ เขาก็ตระหนักว่าแม้ว่าจะสู้แบบสองต่อหนึ่ง พวกเขาไม่สามารถระบุตำแหน่งที่ไม่อยู่กับร่องกับรอยของคนผู้นี้ได้

เขาใจร้อน เมื่อเห็นชายคนนี้โผล่ขึ้นมาจากตรงนั้นตรงนี้ราวกับหนูดิน เขาก็อดไม่ได้ที่จะสาปแช่ง

“เจ้าเต่าหดหัว กล้ายืนนิ่งๆ อยู่ตรงนั้น และต่อสู้กับข้าอย่างเปิดเผยหรือไม่”

ชายร่างเตี้ยโต้กลับทันทีด้วยสำเนียงต้าโจวแปร่งๆ “ข้าน่ะ ไม่ได้ชื่อว่าเต่า ข้าชื่อว่าคาเมดะ”

“ข้าไม่สนใจหรอกว่าเจ้าชื่ออะไร อย่างไรซะเจ้าก็เป็นเต่าหดหัว”

อินปู้อวี่สบถสาปแช่ง แล้วรีบถือกระบี่ปรี่เข้าไปหา

เมื่อเห็นการเคลื่อนไหวของน้องชายที่รวดเร็วเร่งร้อนราวกับดาวตก อินปู้อวี่ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย เกรงว่านี่อาจเป็นการต่อสู้ที่ยืดเยื้อ ใจร้อนเช่นนี้คงไม่ไหว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์