อาซือหลานไม่ได้สนใจเย่จิ่งหลาน ไม่สนใจว่าเขาคือท่านอ๋อง เพราะเป็นเพียงแค่เด็กอายุไม่กี่ขวบ ไม่ได้มีความน่ากลัวในสายตาเขาเลย
เย่จิ่งหลานก็ไม่ได้รีบร้อนอะไร อย่างไรก็สามารถเข้ามิติได้ตลอดเวลา
ทำได้เพียงยืนพิงกำแพง และหลับตาทำสมาธิ
หลังจากนั้นไม่นานก็ได้ยินเสียงระฆังที่ประตู กลิ่นเครื่องหอมก็โชยมาจากด้านนอก
จากนั้นก็ได้ยินคนใช้น้ำเสียงชาวบ้านคุยกันด้วยความแหบพร่า “ต้องรอถึงเมื่อใดจึงจะจับผู้หญิงคนนั้นได้ จอมพลยังคงรอพิณการเวกอยู่ ขอเพียงได้สิ่งนี้มา พวกเราจึงจะสามารถต่อกรกับสำนักแห่งดินแดนจงหยวน เพื่อให้กองทัพข้ามทะเลไปได้”
อีกคนหนึ่งพูดว่า “พวกเราไร้ซึ่งหนทางในเมืองหลวง พระราชวังก็ไม่สามารถบุกเข้าไปได้ ตอนนี้ทำได้เพียงเชื่ออาซือหลานเท่านั้น”
“แต่พวกเรายื้อเวลามานานแล้ว จอมพลจะโกรธหรือไม่?”
“เช่นนั้นจะทำอย่างไรได้เล่า?หากกลับไปมือเปล่า พวกเราต้องโดนผ่าท้อง ข้ายังไม่อยากตายเสียหน่อย”
“แม่งเอ๊ย ใครจะอยากตาย ตอนนี้พวกเราหายไปสี่คนแล้ว หากพวกเรายังทำภารกิจไม่สำเร็จ คงต้องจบเห่จริงๆ”
“เจ้าพูดถูกแล้ว เพียงแต่ไม่รู้ว่าสามารถเชื่อถืออาซือหลานได้หรือไม่”
“เขาสนิทสนมกับจอมพลหนุ่ม จอมพลหนุ่มต่างก็เชื่อถือเขา พวกเราจะไม่เชื่อได้อย่างไรเล่า ต่อให้ไม่เชื่อก็คงทำอะไรไม่ได้”
เมื่อพูดเรื่องนี้จบ ทั้งสองก็เงียบไป
เย่จิ่งหลานสบถด่าอยู่ในใจ ไม่คิดว่าอาซือหลานจะสมรู้ร่วมคิดกับชาวบ้านเหล่านี้ เพียงแต่น่าเสียดายที่มิติของเขาและอินชิงเสวียนไม่เชื่อมต่อกัน จึงต้องใช้สมองอันน้อยนิดของเขาไตร่ตรองว่าจะติดต่อนางอย่างไรดี
ไม่นานค่ำคืนหนึ่งก็ผ่านไป เย่จิ่งหลานครุ่นคิดครู่หนึ่งก็ผล็อยหลับไป
แม้ว่าเขามีจิตวิญญาณเป็นคนหนุ่ม น่าเสียดายที่ร่างกายของเขายังเด็กเกินไป ซึ่งไม่อาจต่อสู้กับนาฬิกาชีวภาพได้ เมื่อเขาตื่นขึ้นมาก็ถึงวันที่สองแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ยังอัพไม่จบเลย หลายเรื่องเลย อัพมาครึ่งทางแล้วทำไมหยุดอัพดื้อๆค่ะ...
จะอัพเมื่อไหร่คะ...
มาต่อเร็วๆนะแอด...
หยุดอีกแล้ว...
กระหม่อม หม่อมฉัน สลับมั่วไปหมด...
มาอ่านต่อกันเร็วๆ แอดกลับมาอัพต่อแล้ว ขอบคุณค่ะ...
สนุกมาก น่าติดตามมาก เขียนและแปลได้ดีจริงๆ ดีใจที่กลับมาลงต่อ อัพเดตเรื่อยๆ วันละหลายๆ ตอน นะคะ...
หยุดชะงักลงตรงบทนี้ ต่อหรือพอเพียงแค่นี้😁...
หยุดแค่นี้หรือไปต่อ😁...
อัพต่อรออยู่ค่ะ...