เย่จิ่งอวี้เปลี่ยนกระบวนท่าอย่างรวดเร็ว ปลายกระบี่แตะบนพื้น แล้วคนก็อาศัยจังหวะเหาะหนีไปได้
อาซือหลานคว้าได้เพียงความว่างเปล่า แต่มันเป็นเพียงการสับขาหลอก เขาหันหลังกลับทันที แล้วทะยานไปหาเย่จั้น
คนตงหลิวที่กำลังดูความตื่นเต้นอดไม่ได้ที่จะถามว่า “ทำไมเจ้าไม่อธิบายต่อแล้วล่ะ”
คนตาแดงจ้องมองเข้าไปในวงการต่อสู้ จากนั้นส่ายศีรษะแล้วพูดว่า “ลมปราณของอาซือหลานเปลี่ยนไป การเคลื่อนไหวก็เร็วขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า ลำพังแค่ตาของข้า ไม่สามารถจับการเคลื่อนไหวได้แม่นยำอีกแล้ว”
อีกคนอดไม่ได้ที่จะถามว่า “ขนาดเจ้ายังมองเห็นไม่ชัดเลยหรือ”
“ใช่แล้ว บากะ (โง่เง่า) ทำไมคนจงหยวนถึงเก่งกาจขนาดนี้ ดูเหมือนว่าจักรพรรดิของเราจะข้ามขึ้นเหนือมา ไม่ใช่เรื่องง่ายแล้ว”
“ปากหมาๆ อย่าพ่นคำอัปมงคลออกมาสิ จักรพรรดิของเราคือผู้ที่เก่งกาจที่สุดในโลก ตราบใดที่สามารถหาพิณการเวกได้ การจัดการกับพวกเขา ก็ไม่ใช่เรื่องยาก”
“บากะ เจ้าอย่าตีหัวข้าบ่อยๆ สิ”
คนญี่ปุ่นตาแดงถูกตีอีกครั้ง เอามือปิดหัวอย่างอดไม่ได้ เมื่อพวกเขาเงยหน้าขึ้น แขนเสื้อคลุมสีขาวประดุจหิมะของเย่จั้นก็ถูกย้อมเป็นสีแดง
“เสด็จอา!”
เมื่อเห็นว่าเย่จั้นได้รับบาดเจ็บ เย่จิ่งอวี้ก็ตวัดกระบี่แทงสวนไปทันที อาซือหลานหัวเราะลั่น
“มาได้พอดีเลย”
เขาพลิกฝ่ามือราวกับพายุหมุน แล้วซัดโจมตีเย่จิ่งอวี้ด้วยลมปราณอันมืดมน
เจวี๋ยอิ่งและคนอื่นๆ ที่โอบล้อมอยู่ตลอด ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่ลงมือ แต่เย่จิ่งอวี้และเย่จั้นที่อยู่ตรงหน้า ได้เผ่นโผนโจนทะยานด้วยพลังของน้ำพุวิญญาณ แม้ว่าพวกเขาจะเข้าไป แต่กระนั้นก็ทำอะไรไม่ได้
เสียงดังก๊อง เมื่อนิ้วของอาซือหลานแตะปลายกระบี่ เกิดเป็นเสียงโละกระทบกัน
เย่จิ่งอวี้รู้สึกว่ากำลังวังชาความแข็งแกร่งถูกปิดกั้น และถูกบังคับให้ถอยออกไปหลายก้าว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ยังอัพไม่จบเลย หลายเรื่องเลย อัพมาครึ่งทางแล้วทำไมหยุดอัพดื้อๆค่ะ...
จะอัพเมื่อไหร่คะ...
มาต่อเร็วๆนะแอด...
หยุดอีกแล้ว...
กระหม่อม หม่อมฉัน สลับมั่วไปหมด...
มาอ่านต่อกันเร็วๆ แอดกลับมาอัพต่อแล้ว ขอบคุณค่ะ...
สนุกมาก น่าติดตามมาก เขียนและแปลได้ดีจริงๆ ดีใจที่กลับมาลงต่อ อัพเดตเรื่อยๆ วันละหลายๆ ตอน นะคะ...
หยุดชะงักลงตรงบทนี้ ต่อหรือพอเพียงแค่นี้😁...
หยุดแค่นี้หรือไปต่อ😁...
อัพต่อรออยู่ค่ะ...