มีเสียงดังขึ้นมาจากด้านนอกประตู จูอวี้เหยียนนั่งรถเข็นไม้ที่อินจ้งให้ช่างฝีมือสร้างให้นาง โดยมีสาวใช้เป็นคนเข็นเข้ามา
นางสวมกระโปรงคาดอกผ้าแพรไหมสีฟ้าลายดอกไม้ปักด้วยดอกโบตั๋น สวมเสื้อคลุมขนกระต่ายอยู่ด้านนอก ซึ่งดูหรูหรายิ่งกว่าชุดกุ้ยเฟยที่อินชิงเสวียนสวมใส่เสียอีก
เมื่อมองไปที่เนื้อผ้า อินชิงเสวียนก็ขมวดคิ้ว
นี่เป็นชุดที่นางเอาให้จื่อลั่วโดยเฉพาะ แต่ซูหมิงหลานกลับนำมาทำเสื้อคลุมให้จูอวี้เหยียน จะใจดีเกินไปแล้วกระมัง
ให้นางได้อาศัยอยู่ในจวนอิน มีอาหารและเครื่องดื่ม ก็นับเป็นความเมตตาอย่างยิ่งแล้ว
เมื่อเห็นนาง เป่าเล่อเอ่อร์ก็ผุดลุกขึ้นยืนโดยไม่รู้ตัว ก้าวถอยหลังหลายก้าว
ในเจียงวู สามารถกล่าวได้ว่าจูอวี้เหยียนสามารถควบคุมทุกสิ่งได้ แม้แต่พี่ใหญ่อูเอินก็ยังต้องยอมให้นาง
เมื่อเวลาผ่านไป เป่าเล่อเอ่อร์เริ่มหวาดกลัวนางโดยสัญชาตญาณ
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจูอวี้เหยียนยังฝึกกู่พิษอีกด้วย แม้ว่านางจะไม่รู้ว่ามันคืออะไรแน่ แต่หลังจากเห็นพี่ใหญ่หน้าถอดสีหลังจากพูดถึงกู่ นางก็รู้ว่าน่าจะเป็นสิ่งที่ร้ายกาจมาก
อินชิงเสวียนก็ยืนขึ้น แล้วพูดกับเป่าเล่อเอ่อร์ “ไม่ต้องกลัว ที่นี่ไม่ใช่เจียงวู นางไม่ใช่ราชครูแล้ว นางเป็นเพียงลูกสาวนอกสมรสของท่านพ่อข้าเท่านั้น เห็นเจ้า ยังต้องเรียกเจ้าว่าพี่สะใภ้ด้วยซ้ำ”
จูอวี้เหยียนไม่โกรธ แต่ยกมุมปากสีแดงขึ้น แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ที่พูดมาก็ถูก พี่สะใภ้ สบายดีหรือไม่”
เมื่อฟังเสียงกระแนะกระแหน เป่าเล่อเอ่อร์ก็ยิ่งหวาดกลัวมากขึ้น นางกัดริมฝีปากแล้วพูดว่า “ก็...สบายดี”
จูอวี้เหยียนกล่าวว่า “เจ้าไม่ต้องกลัวข้า ต่อไปนี้เราเป็นครอบครัวเดียวกัน ไม่เคยได้ยินหรือว่า สตรีที่ออกเรือนแล้วก็เหมือนกับน้ำที่ถูกสาดออกไป นางเป็นกุ้ยเฟย ไม่ใช่พวกเดียวกับเรา”
อินชิงเสวียนยิ้มอย่างเหยียดหยามกล่าวว่า “ไม่จำเป็นต้องยุแยงตะแคงรั่วอยู่นี่ ในบ้านมีเพียงไม่กี่คน เจ้าคิดว่าแค่คำพูดไม่กี่คำของเจ้า จะสามารถตบตาทุกคนได้งั้นรึ จูอวี้เหยียน ถึงอย่างไรเจ้าก็เคยเป็นถึงราชครู ทำไมจู่ๆ ถึงกลายเป็นเด็กไร้เดียงสาแบบนี้”
“อ้อจริงสิ มีอีกเรื่องที่ข้ายังไม่ได้บอกเจ้า”
อินชิงเสวียนหยุดชั่วคราว แล้วพูดว่า “อาซือหลานตายแล้ว หากเจ้าคิดจะพึ่งพาเขาอีก ก็เป็นไปไม่ได้แล้ว ถ้าฉลาดก็อยู่ในตระกูลอินแต่โดยดี อย่าสร้างปัญหาอีก ไม่งั้นต่อให้ท่านพ่อจะปกป้องเจ้า ข้าก็ไม่มีทางปล่อยเจ้าไป”
สีหน้าของจูอวี้เหยียนเปลี่ยนไป จากนั้นนางก็ยิ้มเยาะ “เจ้าพูดเหลวไหล อาซือหลานไม่มีทางตาย”
อินชิงเสวียนพูดอย่างจงใจ “เขาถูกจัดการจนกลายเป็นเศษเนื้อ เจ้าคิดว่าเขายังสามารถมีชีวิตรอดได้อีกหรือ”
จูอวี้เหยียนตัวแข็งทื่อ รูม่านตาหดลงในทันใด
“เป็นไปไม่ได้ อาซือหลานไม่มีวันตาย”
“ถ้าเจ้าไม่เชื่อ ข้าก็จนปัญญา งั้นก็เชิญเจ้ารออยู่ที่นี่ให้เขามาช่วยเจ้าไปเถอะ”
หลังจากที่อินชิงเสวียนพูดจบ นางก็กลับไปนั่งบนเก้าอี้ หยิบถ้วยชาขึ้นมาจิบเอื่อยๆ ไม่สนใจไยดีจูอวี้เหยียนอีก
บรรยากาศเริ่มอึดอัดขึ้นอีก เป่าเล่อเอ่อร์เริ่มม้วนชายเสื้อ ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี
ซูหมิงหลานกระแอมไอแล้วพูดว่า “อวี้เหยียน ข้างนอกหนาวหรือไม่ แม่รองจะรินชาร้อนๆ ให้เจ้า”
จูอวี้เหยียนพูดอย่างเย็นชา “ไม่จำเป็นต้องแกล้งทำเป็นใจดี พาข้ากลับ”
สาวใช้ไม่กล้าขัดขืนคำสั่ง เข็นจูอวี้เหยียนกลับ แต่ได้ยินอินชิงเสวียนพูดว่า “หยุดก่อน”
สาวใช้รู้ว่านางคุณหนูใหญ่ในจวน ทั้งยังเป็นกุ้ยเฟยของราชวงศ์ ดังนั้นนางจึงไม่กล้าฝ่าฝืนคำสั่ง
อินชิงเสวียนพูดอีกครั้ง “ถอดเสื้อของนางออกมาให้ข้า”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ยังอัพไม่จบเลย หลายเรื่องเลย อัพมาครึ่งทางแล้วทำไมหยุดอัพดื้อๆค่ะ...
จะอัพเมื่อไหร่คะ...
มาต่อเร็วๆนะแอด...
หยุดอีกแล้ว...
กระหม่อม หม่อมฉัน สลับมั่วไปหมด...
มาอ่านต่อกันเร็วๆ แอดกลับมาอัพต่อแล้ว ขอบคุณค่ะ...
สนุกมาก น่าติดตามมาก เขียนและแปลได้ดีจริงๆ ดีใจที่กลับมาลงต่อ อัพเดตเรื่อยๆ วันละหลายๆ ตอน นะคะ...
หยุดชะงักลงตรงบทนี้ ต่อหรือพอเพียงแค่นี้😁...
หยุดแค่นี้หรือไปต่อ😁...
อัพต่อรออยู่ค่ะ...