“ข้ารู้แล้ว”
น้ำเสียงสิ้นหวังของกวนเซี่ยวดังมาจากนอกประตู
“ข้าจะไม่เซ้าซี้เจ้าอีก แต่ภายหน้าถ้าเจ้าเผชิญเรื่องที่ไม่สามารถแก้ไขได้ ก็มาหาข้าได้เสมอ ไม่ว่าเมื่อใด ไม่ว่าเรื่องใด ข้าจะพยายามช่วยเหลือเจ้าจนสุดกำลัง”
เมื่อฟังเสียงฝีเท้าที่ค่อยๆ เดินห่างจากประตูไป ฟางรั่วก็เจ็บแปลบที่ขอบตา หยาดน้ำตารินไหลลงมาเงียบๆ
ขอโทษนะ กวนเซี่ยว ข้าไม่เหมาะสมกับเจ้าจริงๆ!
ฟางรั่วค่อยๆ ทรุดตัวลงนั่งบนพื้น เมื่อผ่านไปเนิ่นนานหลายอึดใจ นางก็เช็ดน้ำตาและลุกขึ้นยืน
จู่ๆ นางก็รู้สึกว่าชีวิตของตัวเองดูไร้ความหมาย
ตราบใดที่แน่ใจว่าอาซือหลานเสียชีวิตแล้ว นางจะออกจากเมืองหลวงทันที ไปยังสถานที่ที่ร้างผู้คน เพื่อจบสิ้นเศษเสี้ยวชีวิตที่เหลืออยู่
คืนนี้ ถูกลิขิตเป็นค่ำคืนอันยากจะข่มตาหลับได้
อินชิงเสวียนนอนไม่หลับ ฟางรั่วนอนไม่หลับ กวนเซี่ยวและเย่จั้นก็นอนไม่หลับเช่นกัน
บ้างก็เพราะคนรัก บ้างก็เพราะคนในครอบครัว
ในเวลานี้ ราตรีมืดมิด นภาไร้ดวงจันทร์ ความมืดอันไม่มีที่สิ้นสุดแผ่ปกคลุมวังหลวง ราวกับว่าปากยักษ์ที่มองไม่เห็นกำลังจะกลืนกินวังหลวงอันงดงามแห่งนี้
หลี่เต๋อฝูจงใจจุดตะเกียงอีกหลายดวง เมื่อเห็นเย่จั้นยังคงยืนอยู่ข้างหน้าต่าง เขาก็อดพูดไม่ได้ว่า “ฝ่าบาท ท่านยืนมาสองชั่วยามแล้ว ควรพักผ่อนได้แล้ว”
จากนั้นเย่จั้นถึงรู้ตัวว่าหลี่เต๋อฝูยังอยู่กับตัวเอง โบกมือแล้วพูดว่า “เจ้าไปนอนซะ ข้า...ข้าอยากยืนต่ออีกสักพัก”
หลี่เต๋อฝูถอนหายใจเบาๆ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับฝ่าบาท นับตั้งแต่กุ้ยเฟยจากไป เขาก็ยืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อน หรือว่าคู่รักหนุ่มสาวทะเลาะกันอีกแล้ว?
ในฐานะบ่าวไพร่ เขาไม่กล้าเอ่ยถามให้มากความ เขาเติมน้ำร้อนหนึ่งจอก แล้วถอนตัวออกไปอย่างเงียบๆ
เย่จั้นยังคงมองออกไปนอกหน้าต่าง แต่ในใจเริ่มกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ยังอัพไม่จบเลย หลายเรื่องเลย อัพมาครึ่งทางแล้วทำไมหยุดอัพดื้อๆค่ะ...
จะอัพเมื่อไหร่คะ...
มาต่อเร็วๆนะแอด...
หยุดอีกแล้ว...
กระหม่อม หม่อมฉัน สลับมั่วไปหมด...
มาอ่านต่อกันเร็วๆ แอดกลับมาอัพต่อแล้ว ขอบคุณค่ะ...
สนุกมาก น่าติดตามมาก เขียนและแปลได้ดีจริงๆ ดีใจที่กลับมาลงต่อ อัพเดตเรื่อยๆ วันละหลายๆ ตอน นะคะ...
หยุดชะงักลงตรงบทนี้ ต่อหรือพอเพียงแค่นี้😁...
หยุดแค่นี้หรือไปต่อ😁...
อัพต่อรออยู่ค่ะ...