อินชิงเสวียนและน้องสาวได้มาถึงห้องรับแขกแล้ว
ซูหมิงหลานตื่นมาทำอาหารตั้งแต่เช้า โดยมีกับข้าวหกอย่าง น้ำแกงสองอย่าง ข้างๆ มีซาลาเปาก้อนอ้วนๆ ขาวๆ ชิ้นใหญ่ มีควันลอยฉุย ดูน่ารับประทานมาก
อินจ้งกำลังคุยกับอินปู้อวี่ เมื่อเห็นอินชิงเสวียนเดินเข้าประตูมา ซูหมิงหลานก็พูดทันที “มาชิมดูเร็ว ประเดี๋ยวเย็นชืดแล้วจะไม่อร่อย”
อินชิงเสวียนตอบรับ และนั่งลงข้างๆ อินปู้อวี่
ฝีมือของซูหมิงหลานนั้นยอกเยี่ยมจริงๆ แค่กัดไปคำแรกก็ได้รสชาติของไส้เนื้อเต็มคำ
ของแบบนี้เป็นเพียงอาหารธรรมดาในยุคปัจจุบัน แต่ในยุคโบราณนี้ การได้กินแป้งหมี่และเนื้อได้ ก็นับว่าเป็นครอบครัวที่ดีมากแล้ว
ฮ่องเต้องค์ก่อนไม่ใส่ใจชีวิตความเป็นอยู่ของราษฎรเลย หลังจากที่เย่จิ่งอวี้ขึ้นครองบัลลังก์ ก็ต้องทนทุกข์ทรมานจากความอดอยากอีกหนึ่งปี อาหารในสมัยโบราณไม่มีผลิตผลเท่าปัจจุบัน ภายใต้ภัยพิบัติทางธรรมชาติ แม้แต่ข้าวฟ่างและธัญพืชก็กลายเป็นของหายาก นับประสาอะไรกับอาหารจำพวกเนื้อ
ทั้งอินปู้อวี่และอินจื่อลั่วต่างก็กินกันอย่างออกรส ส่วนอินชิงเสวียนกินไปไม่กี่คำ แต่ก็รู้สึกเหมือนกับการเคี้ยวไขผึ้ง การที่มีเรื่องมากมายในใจทำให้นางไม่รับรู้รสชาติของอาหาร
หลังจากกินซาลาเปาไปจนหมดหนึ่งชิ้นในที่สุด นางก็กินอะไรไม่ลงอีก
ซูหมิงหลานถามอย่างกังวล “แม่รองทำอาหารไม่ถูกปากเจ้างั้นหรือ”
อินชิงเสวียนส่ายศีรษะ ริมฝีปากคลี่ยิ้มบางๆ
“เปล่าเจ้าค่ะ อาหารที่ท่านแม่รองปรุงอร่อยมาก แค่ช่วงนี้อยู่ๆ ข้าก็ไม่นึกอยากอาหารเลย”
ซูหมิงหลานสังเกตนางอย่างละเอียด แล้วถามหยั่งท่าทีดู “ไม่ใช่มีว่ามีครรภ์แล้วกระมัง เจ้าลองให้หมอหลวงในวังตรวจดูบ้างหรือยัง”
ใบหน้าของอินชิงเสวียนเปลี่ยนเป็นสีแดงเล็กน้อย
“ยังเจ้าค่ะ คงแค่อาการเบื่ออาหารทั่วไป”
อินจ้งวางชามน้ำแกงลง มองดูลูกสาวแล้วพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ต้องรีบรักษา อย่าปล่อยให้การเจ็บป่วยเล็กน้อยกลายเป็นโรคร้ายแรง”
เนื่องจากอินสิงอวิ๋นฟื้นคืนสติแล้ว อินจ้งจึงตั้งใจลางาน วันนี้ไม่ได้ไปประชุมเช้าที่ราชสำนัก
“ทราบแล้วเจ้าค่ะ”
อินชิงเสวียนยิ้ม แต่ในใจกลับรู้สึกกลุ้มใจมาก
เพื่อไม่ให้ใครสังเกตเห็นความผิดปกติ นางออกไปก่อนก็ดูไม่ดี จึงต้องรอให้ทุกคนกินข้าวเสร็จ
“เช้านี้ท่านแม่รองมีธุระหรือไม่ เราออกไปดูร้านกันดีไหมเจ้าคะ”
ซูหมิงหลานเหลือบมองอินจ้ง พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ได้สิ เราไปกันเดี๋ยวนี้เลย”
ทันทีที่อินชิงเสวียนยืนขึ้น ก็เห็นอินสิงอวิ๋นและเป่าเล่อเอ่อร์เดินเข้ามาจากด้านนอก
ซูหมิงหลานพูดขึ้นโดยเร็ว “คงหิวกันแน่แล้วกระมัง แม่รองจะให้คนรับใช้ไปอุ่นอาหารให้พวกเจ้า”
“ขอบคุณท่านแม่รองมากขอรับ”
อินสิงอวิ๋นมีรอยยิ้มบนใบหน้า แววตาอบอุ่นอ่อนโยน
สีหน้าของเป่าเล่อเอ่อร์เปลี่ยนเป็นสีแดงเล็กน้อย ยอบกายคำนับ
“ขอบคุณอินฮูหยินเจ้าค่ะ”
เมื่อมองไปที่คู่หนุ่มสาว นัยน์ตาของซูหมิงหลานก็เต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มแห่งความรักและเมตตา
“ต่อจากนี้เราก็เป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว ไฉนจึงเกรงอกเกรงใจเช่นนี้ รีบมานั่งเร็ว”
อินสิงอวิ๋นดึงเป่าเล่อเอ่อร์เดินเข้ามาทันที แล้วคำนับอินจ้ง
“คารวะท่านพ่อ ช่วงนี้ลูกทำตัวสับสนมึนงง ทำให้ท่านพ่อเป็นกังวลแล้ว”
อินจ้งมองลูกชายคนโตด้วยความสุขสมอุรา สีหน้าแบบนี้สิถึงจะถูกต้อง ที่ผ่านมาต้องเผชิญเรื่องราวมากมาย ในที่สุดครอบครัวก็ได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน
หากดวงวิญญาณของซูหนิงที่อยู่บนสรวงสวรรค์ได้รับรู้ นางต้องมีความสุขอย่างแน่นอน
อินสิงอวิ๋นหันไปหาอินชิงเสวียน
ประกบมือคำนับแล้วพูดว่า “ขอบคุณน้องหญิงใหญ่ที่ช่วยเป่าเล่อเอ่อร์ไว้ พี่ติดค้างน้ำใจเจ้าแล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ยังอัพไม่จบเลย หลายเรื่องเลย อัพมาครึ่งทางแล้วทำไมหยุดอัพดื้อๆค่ะ...
จะอัพเมื่อไหร่คะ...
มาต่อเร็วๆนะแอด...
หยุดอีกแล้ว...
กระหม่อม หม่อมฉัน สลับมั่วไปหมด...
มาอ่านต่อกันเร็วๆ แอดกลับมาอัพต่อแล้ว ขอบคุณค่ะ...
สนุกมาก น่าติดตามมาก เขียนและแปลได้ดีจริงๆ ดีใจที่กลับมาลงต่อ อัพเดตเรื่อยๆ วันละหลายๆ ตอน นะคะ...
หยุดชะงักลงตรงบทนี้ ต่อหรือพอเพียงแค่นี้😁...
หยุดแค่นี้หรือไปต่อ😁...
อัพต่อรออยู่ค่ะ...