สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 644

สรุปบท บทที่ 644 ขืนเจ้ากล้าพูดพล่ามข้าจะฉีกปากเจ้าซะ: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์

ตอน บทที่ 644 ขืนเจ้ากล้าพูดพล่ามข้าจะฉีกปากเจ้าซะ จาก สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 644 ขืนเจ้ากล้าพูดพล่ามข้าจะฉีกปากเจ้าซะ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายโรแมนติก สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ ที่เขียนโดย GoodNovel เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ชั่วพริบตารถม้าก็ผ่านไป

เมื่อเห็นว่าอินชิงเสวียนยังคงมองออกไปข้างนอก อวิ๋นฉ่ายก็อดถามไม่ได้

“พระสนม ท่านดูอะไรอยู่หรือ”

“ไม่มีอะไร”

อินชิงเสวียนลดม่านรถลง

แต่ในใจกลับสงสัยว่าทำไมจูอวี้เหยียนถึงอยากไปเรือนจุ้ยหง?

เถ้าแก่เนี้ยคนนั้นไม่ใช่คนธรรมดา

เพียงแต่ว่าตัวเองกำลังจะจากไป ไม่มีหนทางที่จะตรวจสอบเพิ่มเติมได้อีก ทำได้เพียงขอให้เย่จั้นจับตาดูดฟิงเอ้อร์เหนียงไว้เท่านั้น

ภายในสิบห้านาที รถม้าก็มาถึงประตูวัง

เสี่ยวอานจื่อรับตัวเสี่ยว‍หนาน‍เฟิง และเดินกลับไปที่ตำหนักจินหวู

อินชิงเสวียนนั่งพักอยู่ครู่หนึ่ง คิดว่าจะไปห้องหนังสือ ขณะที่กำลังจะลุกขึ้น มีเสียงฝีเท้าที่สม่ำเสมอที่ประตู เป็นเย่จั้นที่เดินเข้ามาจากด้านนอก

เขายังคงสวมหน้ากากของเย่จิ่งอวี้ ผิวหน้ากากที่ละเอียดประณีตเกือบจะเหมือนจริง

อินชิงเสวียนไม่รู้ว่าจะเรียกเขาว่าอะไรอยู่ครู่หนึ่ง ดังนั้นนางจึงไม่พูดอะไรเลย

เย่จั้นเดินเข้าไปในห้องโถง แล้วถามอย่างเงียบๆ “เตรียมของที่ต้องเตรียมไว้หมดแล้วหรือ”

อินชิงเสวียนไม่กล้ามองหน้าเขา เพราะมันจะนำความทรงจำอันน่าเศร้ามากมายของนางกลับมา

ก้มศีรษะลงแล้วพูดว่า “เกือบเสร็จแล้ว หลังจากการการเซ่นไหว้พรุ่งนี้ ข้าก็พร้อมที่จะออกเดินทางไปเป่ยไห่”

“ได้ นี่คือแผนที่ ข้าให้คนมายืนยันแล้ว เส้นทางไม่มีปัญหา เจ้าเอาไปเถอะ”

เย่จั้นหยิบม้วนหนังแพะที่ผูกด้วยผ้าไหมสีเหลืองออกมาจากอกเสื้อ แล้วมอบให้อินชิงเสวียน

“ขอบคุณท่านอ๋อง”

“ไม่ต้องเกรงใจ คราวนี้ข้าควรจะไปเอง แต่ก็ไปไม่ได้ ทำได้เพียงต้องรบกวนกุ้ยเฟยแล้ว”

หลังจากที่เย่จั้นเงียบไปครู่หนึ่ง ก็พูดว่า “หากพบหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์จริงๆ ได้โปรดเสียเวลา สืบค้นที่อยู่ของอินหลีให้ข้าด้วย”

อินชิงเสวียนคลี่ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ย่อมเป็นเช่นนั้น อินหลีเป็นอาหญิงของข้า ข้าจะตรวจสอบแน่นอน”

เย่จั้นประกบมือคำนับแล้วพูดว่า “งั้นก็ฝากด้วย”

“เดิมทีนี่ก็เป็นเรื่องที่ข้าควรทำ ท่านอ๋องไม่ต้องเกรงใจ ข้าเองก็มีเรื่องหนึ่ง อยากจะฝากฝังท่านอ๋องด้วย”

อินชิงเสวียนเล่าเรื่องเรือนจุ้ยหงให้เย่จั้นได้รับทราบ

“หวังว่าท่านอ๋องจะส่งคนไปตรวจสอบเรื่องนี้อย่างละเอียดด้วย จูอวี้เหยียนจิตใจชั่วร้ายมาโดยตลอด และเถ้าแก้เนี้ยของเรือนจุ้ยหงก็เป็นชาวยุทธ์ ข้าเกรงว่าหากพวกนางทั้งสองร่วมมือกัน จะเป็นอันตรายต่ออินตระกูล”

เย่จั้นพยักหน้าและกล่าวว่า “เรื่องนี้ไม่มีปัญหา ข้าจะส่งองครักษ์เงาไปติดตามเรื่องนี้ รวมถึงปกป้องความปลอดภัยของตระกูลอินด้วย”

อินชิงเสวียนประกบมือคำนับแล้วพูดว่า “ขอบคุณท่านอ๋อง เมื่อฝ่าบาทกลับมา เราคงต้องดื่มเฉลิมฉลองกันเต็มที่ ไม่เมาไม่เลิก”

มุมปากของเย่จั้นยกขึ้นเล็กน้อย

“ย่อมเป็นเช่นนั้น”

จู่ๆ อินชิงเสวียนก็นึกถึงคำพูดของเย่จิ่งหลาน อดไม่ได้ที่จะถามว่า “ถ้า...ข้าหมายถึงถ้าไม่พบฝ่าบาท เราจะทำอย่างไร”

เย่จั้นหยุดชั่วคราว พูดด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก “อยู่ต้องพบคน ตายต้องพบศพ ถ้า...”

เขาหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดว่า “หากจิ่งอวี้ไม่อยู่แล้วจริงๆ ข้าจะมอบบัลลังก์ให้กับจ้าวเอ๋อร์ และช่วยเหลือเขาจนกว่าเขาจะอายุสิบแปด”

คำพูดของเย่จั้นทำให้อินชิงเสวียนโล่งใจทันที นางลุกขึ้นจากเก้าอี้ และโค้งคำนับให้เย่จั้นจนตัวแทบติดพื้น

“ขอบคุณเสด็จอา”

เย่จั้นเอื้อมมือออกไปช่วยประคองอินชิงเสวียนให้ลุกขึ้น

“เจ้าไปตามหาจิ่งอวี้อย่างสบายใจได้เลย ข้าจะช่วยเจ้าดูแลราชสำนักนี้เอง”

“ข้าจะพยายามอย่างเต็มที่ พาอาอวี้กลับมาให้ได้”

ฉินเทียนและหลี่ชีนำคนไปรอที่นั่นแล้ว เมื่อเห็นอินชิงเสวียนสวมชุดขาวขี่ม้าขาว ดูองอาจห้าวหาญ พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะตื่นตาตื่นใจ จากนั้นจึงรีบก้มศีรษะลง และติดตามอินชิงเสวียนอยู่เบื้องหลัง

จวนตระกูลอิน

อินจ้งและพี่น้องตระกูลอินกำลังรออยู่ที่ประตูอยู่แล้ว แม้แต่ซูหมิงหลานก็นั่งอยู่บนหลังม้าสีน้ำตาลแดง

ทั้งหมดแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีเรียบๆ บนหลังม้ายังมีกระดาษสีเหลืองและหยวนเป่าปลอมมัดมาด้วย ธูปเทียนและผลไม้สำหรับการเซ่นไหว้ ยังมีเครื่องบรรณาการอื่นๆ อีกด้วย

พี่ชายสองคนของตระกูลอินต่างถือห่อผ้าใบใหญ่คนละสองห่อ เป่าเล่อเอ่อร์ตามอินสิงอวิ๋นอยู่ข้างๆ เมื่อเห็นอินชิงเสวียน มุมปากก็โค้งขึ้น เผยให้เห็นรอยยิ้มที่เป็นมิตร

“เมื่อทุกคนมาถึงแล้ว เราก็ออกเดินทางกันเถอะ!”

อินจ้งไม่พูดพร่ำทำเพลงอีก กระตุ้นท้องม้าเดินมุ่งหน้าไปข้างหน้า

ทั้งหมดตามมาติดๆ ต่างทยอยออกจากเมือง มุ่งหน้าตรงไปยังป่าละเมาะที่อินปู้อวี่ไปกวาดหิมะไว้

หลังจากทุกคนออกไป จูอวี้เหยียนก็ถูกสาวใช้เข็นออกมา

ขณะที่มองดูหิมะตกหน้าประตู นัยน์ตาก็ฉายแววเกลียดชังอย่างลึกซึ้ง

นางรู้สึกได้ว่าช่วงสองวันนี้อินจ้งและซูหมิงหลานละเลยนางมากขึ้น ทั้งหมดนี้ต้องเป็นความผิดของอินชิงเสวียน สตรีเลวคนนี้ นางไม่มีวันปล่อยไปเช่นนี้แน่

เมื่อคิดถึงเด็กในท้องของเป่าเล่อเอ่อร์ จูอวี้เหยียนก็คลี่ยิ้มเยาะ

แม้ว่าจุดตันเถียนของนางจะถูกทำลาย ไม่สามารถควบคุมกู่พิษได้อีก แต่หนอนกู่ที่อยู่ในร่างกายของเป่าเล่อเอ่อร์ยังไม่สามารถขจัดออกไปได้

เมื่อคิดถึงอินจ้งและซูหมิงหลานที่เฝ้ารอคอยหลานชายคนโตทุกวัน จูอวี้เหยียนก็หัวเราะชั่วร้าย คอยดูเถอะ ถึงตอนนั้นแล้วจะเป็นทารกที่ตายแล้ว ดูกันว่าตระกูลอินพวกเจ้าจะยังหัวเราะได้อย่างไร

นางแค่นเสียงหึอย่างเย็นชา แล้วพูดกับสาวใช้ที่อยู่ข้างหลัง “ส่งข้าไปที่เรือนจุ้ยหง”

สาวใช้พูดด้วยสีหน้าลำบากใจ “คุณหนู เมื่อวานเราไปที่นั่นก็ถูกหัวเราะเยาะมาแล้ว ทำไมต้องอยากไปอีก”

จูอวี้เหยียนหันกลับมา และตบหน้านาง

“ขืนกล้าพูดพล่ามอีก ข้าจะฉีกปากเจ้าซะ ไปเร็ว”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์