สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 657

สำนักเซียวเหยา?

เย่จิ่งอวี้จำได้ว่าเมื่อก่อนท่านอาจารย์เคยเล่าให้ฟังว่า สำนักเซียวเหยาเป็นสำนักนอกรีต ไม่ปรากฏตัวตามที่สาธารณะ อีกทั้งชายและหญิงในสำนักต่างก็เชี่ยวชาญวิชาการดูดพลังงาน ปรับความสมดุลของหยินหยาง คนมากมายในเส้นทางยุทธจักรเดียวกัน ต่างก็ต้องตายด้วยน้ำมือของพวกเขา

ตอนนั้นเย่จิ่งอวี้ยังเด็ก ไม่เข้าใจว่าการดูดพลังงานคืออะไร ตอนนี้เขามีภรรยาและลูกแล้ว เมื่อได้ยินชื่อนี้ก็รู้สึกเกลียดชังในทันที

ที่มีล้วนเป็นสามลัทธิและเก้าสาขาอาชีพ ซึ่งอยู่ในทุกหนทุกแห่ง

ในระหว่างที่ครุ่นคิด เจ้าสำนักเซียวเหยาก็เดินเข้ามาในบ้าน

เมื่อทุกคนเห็นร่างชุดคลุมสีดำที่ยาวไปถึงเท้า ก็รู้ว่าคนผู้นี้พูดแต่ความจริงเท่านั้น

ในขณะเดียวกันก็เกิดความสงสัยในใจว่า เจ้าสำนักเซียวเหยาได้รับบาดเจ็บสาหัสไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงปรากฏตัวได้?

เมื่อเห็นว่าเขามีลมหายใจที่ทอดยาว ฝ่าเท้าที่มั่นคง ซึ่งไม่เหมือนท่าทางของผู้ได้รับบาดเจ็บ หรือว่าข่าวลือเป็นเรื่องโกหก?

เจ้าสำนักเซียวเหยาเดินเข้ามาถึงห้องโถง เขาหัวเราะเหอะๆ และพูดว่า “ข้าทำให้ผู้ร่วมยุทธจักรทุกท่านต้องเป็นห่วง ข้าเพียงได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น เพราะเหล่าลูกศิษย์ที่ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ พูดกันเกินจริงไปแล้ว”

เสียงของบุคคลนี้แหบแห้งและเป็นกลาง ไม่สามารถแยกแยะอายุของเขาได้ ถึงขนาดที่แยกไม่ออกว่าเป็นหญิงหรือชาย ชาวยุทธจักรที่นั่งอยู่ในที่นี้ต่างไม่เคยมีผู้ใดเคยเห็นใบหน้าที่แท้จริงของเขามาก่อน

ทุกครั้งที่ปรากฏตัว เขาต่างก็สวมชุดคลุมยาวลากพื้นเช่นนี้เสมอ เมื่ออยู่ท่ามกลางยุทธจักร เพศของเขายังคงเป็นเรื่องที่ผู้คนพูดคุยกันอย่างสนุกปาก แต่กลับไม่เคยมีผู้ใดเคยเห็น

ข้อมูลเพียงอย่างเดียวที่รู้ก็คือ เขาเรียกตัวว่าเองว่าสกุลฉุย นามว่าอวี้ ห้าสิบปีก่อนหน้านี้ก็ได้ก่อตั้งสำนักเซียวเหยาขึ้นมา

ด้านซ้ายมือของโต๊ะยาว มีผู้อาวุโสที่หน้าตามั่นคงซื่อตรงนั่งอยู่ คนผู้นี้นั่งหลังตรง ร่างของเขาเต็มไปด้วยพลังธรรม ซึ่งก็คือท่านอาจารย์ของต่งจื่ออวี๋ สวีไห่หลิว เจ้าแห่งสำนักกระบี่สังหาร

ต่งจื่ออวี๋ที่ท่าทางซื่อบื้อ ขณะนี้เขาอยู่ประกบข้างท่านอาจารย์ เอวของเขาห้อยกระพรวนทองสามเส้น สีหน้าตึงเครียด

เมื่อเห็นฉุยอวี้ ต่งจื่ออวี๋ก็เผยสีหน้าไม่ยินดีในทันที และหันหน้าไปอีกด้าน

ซูถูลุกขึ้นยืน เขาลูบเครายิ้มแล้วพูดว่า “เป็นเช่นนี้นี่เอง เจ้าสำนักได้รับบาดเจ็บทำให้ทุกคนเป็นห่วงอย่างมาก ผู้ใดก็ไม่อาจคาดเดาได้ว่าชาวตงหลิวจะเริ่มโจมตีเมื่อใด เมื่อมีเจ้าสำนักอยู่ พวกข้าก็ไร้ความกังวลแล้ว”

“ไม่มีปัญหา ในเมื่อมายังริมชายฝั่งของเป่ยไห่แล้ว ข้าก็จะพยายามอย่างสุดความสามารถในการต่อกรกับชาวตงหลิว”

ฉุยอวี้ประสานมือพูด และหันไปทางเจ้าสำนักเซี่ยว

“ได้ข่าวว่าหมอเทวดาหนิงถูกคนลอบทำร้าย และยังได้ยินอีกว่าเรื่องเกิดขึ้นตอนที่เจ้าสำนักเซี่ยวเพิ่งออกไปได้ไม่นาน ไม่ทราบว่าเรื่องนี้ เจ้าสำนักเซี่ยวจะอธิบายอย่างไร?”

ก่อนที่ฉุยอวี้จะมาถึง เจ้าสำนักเซี่ยวได้โต้แย้งกับคนอื่นไปรอบหนึ่งแล้ว ตอนนี้กำลังกลั้นความโกรธไว้ในใจ เมื่อได้ยินเช่นนี้ ก็ลุกขึ้นและตบโต๊ะในทันที

“ฉุยอวี้ เจ้ามีเจตนาอะไรกันแน่ หรือว่าเจ้าสงสัยว่าข้าเป็นคนฆ่าหมอเทวดาหนิงงั้นหรือ?”

ซูถูถอนหายใจแล้วพูดว่า “เจ้าสำนักเซี่ยวใจเย็นก่อน เจ้าสำนักฉุยไม่ได้มีเจตนาจะใส่ความท่านเลย หมอเทวดาหนิงตายด้วยฝ่ามือทะลายเสียงจริงๆ วิชาความรู้ที่หายสาบสูญไปมีเพียงแค่คนของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ที่ทำได้ พวกเราเพียงแค่พูดความจริงก็เท่านั้น”

เจ้าสำนักเซี่ยวทำเสียงฮึดฮัดและพูดว่า “ซูถู ท่านเลิกเสแสร้งเป็นคนดีได้แล้ว ท่านมาขอพิณแล้วไม่เป็นผล จึงพูดจาใส่ร้ายต่อข้า หมอเทวดาหนิงเป็นถึงเพื่อนที่ข้าคบมานับสิบปี ข้าจะฆ่าเขาได้อย่างไรกัน”

ซูถูพูดด้วยสีหน้าเบื่อหน่ายว่า “เจ้าสำนักเซี่ยวอย่าได้แสดงความเห็นสุดโต่งมากเกินไปสิ พวกข้าต้องการพิณก็เพราะคิดถึงผลประโยชน์ของส่วนรวม ตอนนี้ผู้คุมตราเซี่ยวบาดเจ็บสาหัส หอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ไร้ซึ่งคนที่สามารถบรรเลงพิณให้เกิดเสียงได้ หากพวกผีแคระตงหลิวขึ้นบกมาครั้งใหญ่ พวกเราควรจะรับมืออย่างไร ข้าตรงไปที่หอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ก็เพราะไร้ซึ่งหนทางแล้ว เจ้าสำนักโปรดเห็นแก่ไพร่ฟ้าอาณาประชาราษฎร์ด้วย และมอบพิณการเวกให้พวกข้านำมาใช้”

เจ้าสำนักเซี่ยวฮึดฮัดด้วยความโกรธแล้วพูดว่า “เลิกเอาไพร่ฟ้าอาณาประชาราษฎร์มาเป็นข้ออ้างเสียที ทุกครั้งที่มีสงครามเป่ยไห่ หอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ของข้าต้องสูญเสียลูกศิษย์จำนวนมาก ข้าเป็นคนในยุทธจักร ต้องให้คนอย่างท่านมาสอนเรื่องธรรมและสัจจะด้วยหรือ?”

“คุณงามความดีของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ ผู้คนทั่วใต้หล้าไม่เคยลืมเลือน แต่เป็นคนละเรื่องกับการยืมพิณ เจ้าสำนักได้โปรดคิดถึงประชาชนใต้หล้าด้วย และตัดใจจากพิณการเวกเพียงไม่กี่วันเถิด”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์