สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 659

“พวกเจ้าพูดถึงใครกันแน่?”

เฮ่ออวิ๋นทงฟังไม่เข้าใจ

ต่งจื่ออวี๋พูดด้วยสีหน้าที่เคารพ “คือแม่นางผู้นั้นที่ข้ามอบกระพรวนทองให้”

เฮ่ออวิ๋นทงลูบเคราแล้วพูดว่า “เช่นนี้นี่เอง ไม่คิดว่าแม่นางผู้นั้นจะมีความสามารถถึงเพียงนี้”

เจ้าสำนักเซี่ยวขมวดคิ้วอีกครั้ง

“หากจื่ออวี๋และข้าพูดถึงคนเดียวกัน ตอนนี้แม่นางผู้นั้นต้องอยู่ในเมืองหลวงแน่นอน ข้าต้องมอบพลังให้แก่หวนเอ๋อร์ทุกวัน จึงไม่ออกจากไปได้ ฮวาเชียนก็ได้ออกเดินทางไปก่อนก้าวหนึ่งแล้ว คงทำได้เพียงหาคนไปตามหาแล้วล่ะ”

เฮ่ออวิ๋นทงพยักหน้าพูดว่า “คงทำได้เพียงแค่นี้แหละ การเดิมพันในสงครามครั้งนี้ยิ่งใหญ่มาก พวกเราต้องชนะและห้ามแพ้ แม้ว่าตอนนี้แต่ละสำนักได้มารวมตัวกันแล้ว แต่กลับแฝงไว้ด้วยเจตนาที่มิดีมิร้าย ซึ่งไม่อาจรับประกันได้ว่าจะไม่มีผู้ใดคิดการไม่ดี เจ้าและข้าต้องคิดให้ถี่ถ้วนก่อนลงมือทำ ข้ากลัวว่าจะมีคนสร้างเรื่องการตายของหมอเทวดาหนิง”

เจ้าสำนักเซี่ยวทำเสียงฮึดฮัดด้วยความโกรธแล้วพูดว่า “ข้าปฏิบัติตนอย่างซื่อตรงสุจริต จะต้องกลัวคำวิจารณ์ของผู้อื่นไปทำไมกัน”

เฮ่ออวิ๋นทงพูดว่า “ไม่เคยได้ยินหรือว่าความคิดเห็นของประชาชนมีพลัง กลับดำเป็นขาวได้ ระวังเอาไว้จะดีที่สุด”

เฮ่ออวิ๋นทงถอนหายใจ และพูดอีกว่า “เพียงแต่มีเรื่องหนึ่งที่ข้าไม่เข้าใจ ข้าได้ตรวจร่างของหมอเทวดาหนิงแล้ว ดูเหมือนจะเป็นฝ่ามือทะลายเสียงของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์จริงๆ วิชาฝ่ามือนี้ยังมีผู้ใดเล่าเรียนไปหรือไม่?”

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ สีหน้าของเจ้าสำนักเซี่ยวก็เกิดความงุนงงเล็กน้อย

ฝ่ามือทะลายเสียงเผด็จการเป็นอย่างมาก ไม่เหมาะสมที่จะให้ผู้หญิงเล่าเรียน และลูกศิษย์ผู้ชายในหอที่สามารถทำได้ก็มีเพียงแค่ไม่กี่คน ท่ามกลางลูกศิษย์เหล่านั้นของเขา มีเพียงอวี้เซียวและตู้เยี่ยนที่สามารถแสดงความสามารถของวิชาฝ่ามือนี้ได้ถึงขีดสุด เพียงแค่น่าเสียดายที่ศิษย์คนนี้ได้ตายไปหลายปีแล้ว

ตอนนั้นที่เขาตามเซี่ยวอิ๋นหวนลงไปจากหุบเขา เขาใช่สถานะองครักษ์ติดตามเซี่ยวอิ๋นหวนเข้าในวัง และวิชาฝ่ามือของไอ้สารเลวเย่จิ่งอวี้ก็คือเขาที่เป็นผู้สอน

เมื่อนึกถึงตู้เยี่ยน สีหน้าของเจ้าสำนักเซี่ยวก็เคร่งขรึมขึ้นมาในทันที

“ในเมื่อเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ ข้าจะสืบค้นเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด และหาคำอธิบายให้แก่ผู้ร่วมยุทธภพทุกท่าน”

เฮ่ออวิ๋นทงพยักหน้า

“ข้าเชื่อในตัวเจ้า ตอนนี้เวลาก็เย็นมากแล้ว เจ้ารีบกลับไปพักผ่อนเถอะ สองวันนี้ชาวตงหลิวยังไม่เริ่มการโจมตี จะต้องคิดแผนการที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิมอย่างแน่นอน ต้องบำรุงสุขภาพและสะสมกำลัง วางแผนให้รอบคอบแล้วค่อยลงมือ”

เจ้าสำนักเซี่ยวหัวเราะอย่างสง่าผ่าเผยแล้วพูดว่า “ข้าเคยผ่านอุปสรรคมามากมายแล้ว เหตุใดต้องกลัวแผนการตื้นๆ พวกนี้ด้วยเล่า เหล่าเฮ่อ เจ้าวางใจเถอะ ไม่ต้องเป็นห่วงข้า”

“อืม เช่นนั้นขอกลับก่อนล่ะ”

เฮ่ออวิ๋นทงประสานมือคำนับ และพาต่งจื่ออวี๋เดินจากไป

เมื่อเดินได้ระยะหนึ่งแล้ว ต่งจื่ออวี๋ถามว่า “ท่านอาจารย์ หากสงครามครั้งนี้สิ้นสุดลง ข้าสามารถนำกระพรวนทองมอบให้แม่นางผู้นั้นได้หรือไม่?”

เฮ่ออวิ๋นทงเหลือบมองเขาแล้วพูดว่า “เจ้าคงไม่ได้รักแม่นางผู้นั้นไปแล้วใช่ไหม?”

ต่งจื่ออวี๋ส่ายหน้า

“ท่านอาจารย์เข้าใจผิดแล้ว ข้าเพียงคิดว่าเรื่องที่รับปากผู้อื่นไปแล้ว หากทำไม่ได้ ก็ไม่ใช่การกระทำของสุภาพชน”

เฮ่ออวิ๋นทงยิ้มด้วยความเมตตาแล้วพูดว่า “เจ้านี่นะ ช่างเป็นคนที่มุ่งมั่นเสียจริง เอาเถอะ เจ้าอยากมอบให้ก็ตามใจเจ้าเลย แต่มีสิ่งหนึ่งที่ต้องจำไว้ หากทางสำนักต้องการใช้มัน เจ้าต้องนำกลับมาคืนในทันที คุณค่าของกระพรวนทองเส้นนี้ไม่ได้อยู่ที่วัสดุ ด้านบนมีค่ายกลกระบี่สลักไว้อยู่ สิ่งนี้สืบทอดมาจากบรรพบุรุษของเรา เป้าหมายก็เพื่อต่อกรกับไอ้พวกผีแคระตงหลิว หากเป็นเพียงแค่ทองคำ อาจารย์ก็ไม่จำเป็นต้องตระหนี่ถึงขนาดนี้”

ต่งจื่ออวี๋เผยสีหน้าดีใจในทันที และพูดด้วยความเคารพว่า “ขอบพระคุณท่านอาจารย์”

เหตุผลที่เขาต้องการมอบกระพรวนทองให้แก่อินชิงเสวียน ข้อแรกเป็นเพราะตัวเองรับปากว่าจะมอบให้นางแล้ว เขาไม่อยากกลืนน้ำลายตัวเอง ข้อสองเป็นเพราะน้ำพุวิญญาณ ที่ทำให้พละกำลังของเขาพัฒนาขึ้นอย่างมาก แต่เขารับปากอินชิงเสวียนไว้แล้ว ดังนั้นจึงเล่าเรื่องน้ำพุวิญญาณกับเฮ่ออวิ๋นทงไม่ได้

เห็นได้ชัดว่าเฮ่ออวิ๋นทงชื่นชอบลูกศิษย์คนนี้เป็นอย่างมาก เขาหัวเราะด้วยความอ่อนโยน และเดินต่อไปด้านหน้า

ทันใดนั้น ต่งจื่ออวี๋ก็นึกได้ว่ากระพรวนทองมีผลกระทบต่อฮ่องเต้น้อยผู้นั้น จึงถามขึ้นอย่างอดไม่ได้ “ท่านอาจารย์ เหตุใดจึงมีคนรู้สึกปวดศีรษะเมื่อได้ยินเสียงกระพรวนด้วยเล่า อีกอย่าง กระพรวนทองเส้นนั้นของพวกเราไปอยู่ในมือของผู้คุมตราเซี่ยวได้อย่างไร?”

เฮ่ออวิ๋นทงชะงักฝีเท้า และหันไปถามว่า “ผู้ใดได้ยินเสียวกระพรวนแล้วปวดศีรษะ?”

“เอ่อ... เป็นชาวยุทธจักรที่ข้าบังเอิญไปเจอ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์