สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 672

ศิษย์ชายคนหนึ่งเข้ามาจากด้านนอก พูดอย่างระมัดระวัง “เรียนเจ้าสำนัก ผู้อาวุโสซูนำคนจำนวนมากมาที่สำนัก บอกว่าขอพบเจ้าสำนักขอรับ”

เจ้าสำนักเซี่ยวแค่นเสียงหึแล้วพูดว่า “ตาแก่นี่ ยังไม่ยอมแพ้อีก คิดจะเอาพิณการเวก ฝันไปเถอะ”

เขาสะบัดชายเสื้อคลุม แล้วก้าวอาดๆ ออกจากประตูไป

คนที่อยู่นอกประตูยังคงตะโกน หากมีเพียงหนึ่งหรือสองคน พวกเขาคงไม่มีความกล้าหาญเช่นนี้แน่ เจ้าสำนักเซี่ยวได้รับการยกย่องจากชาวยุทธ์ว่าเป็นปราชญ์แห่งดนตรี เพลงขลุ่ยสามารถทำให้คนร้องขอชีวิตไม่ได้ ร้องขอความตายยิ่งไร้หนทาง ยอดฝีมือเช่นนี้ ผู้ใดเล่าจะกล้าทำให้เขาไม่พอใจ

แต่พอมีคนมากขึ้น ย่อมไม่เหมือนเดิมแล้ว หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีคนจำนวนมากไม่ชอบหน้าเจ้าสำนักเซี่ยว ในเมื่อมีคนเต็มใจออกหน้า ทุกคนจึงอยากมารับส่วนแบ่งกัน

แม้ว่าจะไม่ได้อะไรเลย แต่การได้ต่อต้านเจ้าสำนักเซี่ยวก็คุ้มค่าที่จะเอาไปคุยโวได้พักหนึ่ง

ขณะที่ฝูงชนกำลังดุเดือดเลือดร้อน จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงดังปัง และทันใดนั้นประตูของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ก็เปิดออก

ชายชราสวมเสื้อคลุมสีน้ำเงินเอามือไพล่หลังเดินออกไป

หนวดเคราและเส้นผมของชายคนนี้เป็นสีขาว ดวงตาพยัคฆ์แม้นไม่เกรี้ยวกราดแต่ยังคงน่าครั่นคร้าม ฝีเท้าอันหนักหน่วง ยิ่งเป็นเหมือนระฆังใหญ่ในหัวใจของทุกคน ผู้ที่อ่อนแอบางคนก็รู้สึกว่าหัวใจเต้นเร็วขึ้น ผงะถอยหลังไปหลายก้าวโดยไม่รู้ตัว

และชายชราคนนี้ ย่อมเป็นเจ้าสำนักเซี่ยวจากหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์อยู่แล้ว

นับตั้งแต่เซี่ยวอิ๋นหวนถูกวางยาพิษ เรื่องวุ่นวายก็ทยอยเกิดขึ้นอย่างไม่ขาดสาย เดิมทีเจ้าสำนักเซี่ยวก็อารมณ์ร้อนอยู่แล้ว เมื่อเห็นคนกล้ามาหาเรื่องถึงหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มเยาะ

“ข้ามาแล้ว พวกเจ้ามีอะไรจะพูด”

ซูถูขยิบตาให้ชายอ้วนที่อยู่ข้างๆ ทันที ชายอ้วนก็พูดทันทีว่า “การตายของหมอเทวดาหนิง เจ้าสำนักเซี่ยวยังไม่ได้ให้คำตอบแก่เราเลย”

ทันใดนั้นเจ้าสำนักเซี่ยวก็ซัดฝ่ามือออกไป ฝ่ามือนั้นเร็วปานอสุนีบาต ทุกคนเห็นเพียงภาพติดตาที่ผ่านไป จากนั้นชายอ้วนก็กระอักเลือดแล้วล้มลงกับพื้น

“เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร มีสิทธิ์อะไรมาถามข้า”

เจ้าสำนักเซี่ยวอารมณ์ไม่ดีตั้งแต่แรกแล้ว บัดนี้ยิ่งมาถูกบีบบังคับถึงหน้าประตู จึงสุดที่จะทนได้อีก

ซูถูรู้จักเจ้าสำนักเซี่ยวเป็นอย่างดี เหตุผลที่เขายุยงปลุกปั่นคนเหล่านี้ก็เพื่อผลเช่นนี้ เขารู้ว่าเจ้าสำนักเซี่ยวไม่สามารถยั้งมือไว้ได้ เมื่อเห็นว่าเป็นไปตามที่เขาคาดไว้ ก็อดไม่ได้ที่จะกระตุกมุมปาก

ตีได้ดี ดูกันว่าวันนี้เจ้าจะยุติเรื่องนี้ได้อย่างไร

เย่จิ่งอวี้ยืนอยู่ข้างหลังซูถู ดวงตามืดลงเล็กน้อย

ชายชราคนนี้ไม่มีเหตุผลจริงๆ หากเขาไม่ฆ่า ก็สามารถอธิบายให้ชัดเจนได้ ไยจึงต้องลงมือด้วย

เมื่อคิดว่าเขาจับตัวเองมาเป็นเชลยที่นี่ ดวงตาก็เปลี่ยนเป็นเย็นชา

คนจากหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ไร้เหตุผลถึงเพียงนี้ เดิมทีอยากจะถามเรื่องเกี่ยวกับฮวาเชียน แต่เมื่อเห็นท่าทีของเจ้าสำนักเซี่ยว งั้นก็ไม่จำเป็นต้องถามแล้ว

ในขณะที่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้น ซูถูก็พูดด้วยถ้อยคำอันชอบธรรม “เจ้าสำนักเซี่ยว เจ้าทำเช่นนี้ได้อย่างไร ทุกคนมาที่เป่ยไห่ก็เพื่อต่อต้านตงหลิว แต่เจ้ากลับทำร้ายพวกเดียวกัน หมายความว่าอย่างไร”

คนอื่นๆ ก็ตกใจเช่นกัน ไม่มีใครคาดคิดว่าเจ้าสำนักเซี่ยวจะลงมือทันที

เจ้าสำนักเซี่ยวแค่นเสียงหึอย่างเย็นชาและพูดว่า “ข้าได้กล่าวไปแล้วว่า ข้ากับหมอเทวดาหนิงเป็นเพื่อนสนิทกันมานานหลายปี อีกทั้งในสำนักยังต้องการให้เขาช่วยรักษาผู้คุมตรา ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลส่วนตัวหรือส่วนรวม เป็นไปไม่ได้ที่ข้าจะลงมือทำร้ายเขาอยู่แล้ว เป็นพวกเจ้าเองที่บีบคั้นครั้งแล้วครั้งเล่า หากไม่ไสหัวออกไป ครั้งถัดไปจะเป็นจุดจบของพวกเจ้า”

เจ้าสำนักเซี่ยวเหาะขึ้น เตะชายอ้วนออกไปหลายจั้ง คนผู้นั้นล้มลงกับพื้น และพ่นเลือดออกมาคำโต

ซูถูพูดเสียงดัง “เจ้าสำนักเซี่ยว หรือเจ้าอยากต่อสู้กับพวกเดียวกัน? ในเมื่อเจ้าบอกว่าตัวเองไม่ได้ทำร้ายหมอเทวดาหนิง งั้นโปรดแสดงหลักฐานด้วย”

เจ้าสำนักเซี่ยวหันหน้ากลับมา มองซูถูด้วยสายตาเย็นชา ระงับความโกรธแล้วพูดว่า “วันนั้นข้าอยู่ในหอ ไม่ได้ออกไปไหน ยังต้องการหลักฐานอะไรอีก”

ซูถูขยิบตา แล้วอีกคนหนึ่งก็ถามอย่างบังอาจว่า “เจ้าสำนักเซี่ยวหมายความว่า ผู้ที่เห็นท่านล้วนมีแต่ศิษย์ในสำนักงั้นหรือ”

เจ้าสำนักเซี่ยวเค้นเสียงทุ้มต่ำ “ไร้สาระ หรือว่าในสำนักยังจะมีคนอื่นอยู่ด้วย”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์