เย่จิ่งอวี้ถามศิษย์คนที่เดินมากับเขา เขาก็ไม่รู้ จึงต้องยอมแพ้
เมื่อกลับมาถึงสถานที่ตั้งของสำนักอวิ๋นซาน ซูถูก็ออกไปแล้ว
เย่จิ่งอวี้ไม่สนใจเลยสักนิดว่าซูถูจะไปที่ไหน ตอนนี้เขาแค่อยากพบฮวาเชียน ถามถึงเรื่องราวของเสด็จแม่ตั้งแต่ต้นจนจบ
เนื่องจากมีเรื่องค้างคาอยู่ในใจ เย่จิ่งอวี้จึงไม่คุยกับคนอื่น เขาเข้าไปในที่พำนักชั่วคราว ปิดประตูและนั่งลง
ในสถานที่อันเต็มไปด้วยยอดฝีมือเช่นนี้ เขาจะต้องเพิ่มความแข็งแกร่งโดยเร็วที่สุด
นั่งขัดสมาธิ รวบรวมสมาธิ เพ่งกำลังภายในทั้งหมดไปที่จุดตันเถียน ปล่อยลมปราณไหลผ่านร่างกายอย่างช้าๆ หลังจากนั้นไม่นาน ก็เข้าสู่ภาวะเข้าฌาน
ดูเหมือนคนทั้งคนจะตกอยู่ในความโกลาหล กลุ่มหมอกหนา ไม่สามารถมองเห็นสิ่งใดที่อยู่ตรงหน้าได้
ในหูแว่วยินเสียงยุ่งเหยิงต่างๆ บ้างก็มีคนเรียกหาพ่อบุญธรรม บ้างก็มีคนเรียกหาอวี้เอ๋อร์ นอกจากนี้ยังมีเสียงฆ่าฟันดังปะปนขึ้นด้วย
เย่จิ่งอวี้จิตใจแตกกระเจิง ทันใดนั้นเขาก็ลืมตาขึ้น มีวงกลมสีแดงปรากฏขึ้นรอบๆ รูม่านตา แต่เพียงพริบตาก็หายไปในทันที
พลังลมปราณภายในร่างกายเหมือนกับม้าป่า ที่กำลังวิ่งพล่านไปมาอย่างดุเดือด
เย่จิ่งอวี้ตกใจเล็กน้อย อาจารย์เคยบอกเอาไว้ว่า นี่เป็นสัญญาณของการถูกธาตุไฟเข้าแทรก จึงรีบสงบจิตใจลงทันที
ประมาณสิบห้านาทีเต็มๆ ก่อนที่เขาจะสงบลงอย่างช้าๆ
ในเวลานี้ จูอวี้เหยียนได้เข้าไปยังสถานที่ตั้งชั่วคราวของสำนักเซียวเหยาแล้ว
“ข้าคือศิษของราชากู่ชื่อจูอวี้เหยียน มาที่นี่เพื่อขอเข้าพบเจ้าสำนักเซียวเหยา”
ศิษย์ที่ถือกระบี่มองดูนางอย่างประเมิน เห็นว่านางหน้าตาสะสวย จึงพูดว่า “รอสักครู่ ข้าจะไปแจ้งให้เจ้าเอง แต่จะพบหรือไม่พบนั้นก็ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของเจ้าสำนัก”
จูอวี้เหยียนลดท่าทีจากความหยิ่งผยอง ยอบกายเล็กน้อยและพูดว่า “รบกวนพี่ชายน้อยคนนี้แล้ว”
ศิษย์ที่ถือกระบี่กวาดสายตามองไปยังทรวงอกอวบอิ่มอีกครั้ง ก่อนจะเดินไปยังห้องโถงกลาง
ฉุยอวี้กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวยาว ด้วยท่าทางที่ผ่อนคลาย
ลูกศิษย์โค้งคำนับและกล่าวว่า “เจ้าสำนักมีสตรีคนหนึ่งนามว่าจูอวี้เหยียนมาขอเข้าพบขอรับ บอกว่าตัวเองเป็นศิษย์ของราชากู่”
“โอ้?”
ฉุยอวี้เงยหน้าขึ้น ใบหน้าปกปิดไปด้วยผ้าคลุมสีดำ มองไม่เห็นสีหน้าอารมณ์
ศิษย์รู้สึกถึงดวงตาที่น่าหลงใหลคู่หนึ่งมองมาที่ตัวเอง จึงรีบก้มศีรษะลงทันที
“หากเจ้าสำนักไม่ต้องการพบนาง ศิษย์จะไปปฏิเสธนางเดี๋ยวนี้”
ฉุยอวี้พูดด้วยน้ำเสียงสงบ “ช้าก่อน ให้นางเข้ามา”
หลังจากนั้นไม่นาน จูอวี้เหยียนก็ถูกสาวใช้สองคนเข็นเข้ามา
เมื่อเห็นฉุยอวี้ก็โค้งคำนับทันที พูดว่า “จูอวี้เหยียนน้อมคำนับเจ้าสำนัก”
เสียงแหบห้าวดังมาจากเบื้องหน้า
“ในเมื่อเป็นศิษย์ของราชากู่ เหตุใดจึงมาที่นี่”
จูอวี้เหยียนกล่าวว่า “ศิษย์ถูกให้ร้าย ตอนนี้จุดตันเถียนถูกทำลาย เอ็นข้อมือและขาก็ถูกตัดขาด ได้ยินมาว่าเจ้าสำนักสามารถปั้นจุดตันเถียนขึ้นใหม่ได้ โปรดช่วยศิษย์ด้วย จากนี้เป็นต้นไป ศิษย์ยินดีจะยอมเป็นม้ารับใช้เจ้าสำนัก”
“เจ้าน่าสมเพชยิ่งนัก ไม่ทราบว่าใครกดขี่และประทุษร้ายเจ้าจนเป็นถึงขนาดนี้”
ฉุยอวี้โน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย ราวกับกำลังมองไปที่จูอวี้เหยียน กระแสเสียงเจือความเกียจคร้านและไม่อินังขังขอบ
จูอวี้เหยียนมองไม่เห็นหน้าตาของเขา แต่กลับสัมผัสได้ถึงน้ำเสียงเชิงสัพยอกของอีกฝ่าย
นางเป็นคนหยิ่งผยองมาโดยตลอด ถ้าเป็นเมื่อก่อนนางคงจะสะบัดแขนเสื้อเดินจากไปแล้ว ตอนนี้จำต้องขอความช่วยเหลือจากคนอื่น จึงทำได้แค่ลดท่าทีหยิ่งผยองลง
“เป็นลูกสาวของอินจ้ง และครอบครัวของพวกเขาทั้งครอบครัว เจ้าสำนักโปรดเมตตาด้วย ให้ศิษย์ได้ล้างแค้นครั้งนี้ด้วย”
ฉุยอวี้ถามอีกครั้ง “ลูกสาวของอินจ้งคือใคร”
จูอวี้เหยียนกัดฟันพูดว่า “คือกุ้ยเฟยของต้าโจว สตรีคนนี้มีจิตใจชั่วร้ายอำมหิต ไม่เพียงแต่ข่มเหงศิษย์เท่านั้น แต่ยังสังหารพี่น้องของศิษย์ไปหลายคนด้วย”
ฉุยอวี้ถามอีกครั้ง “แล้วตอนนี้กุ้ยเฟยอยู่ที่ไหนแล้ว นาง...เป็นอย่างไรบ้าง”
เสียงยังคงแหบแห้ง แต่ยังมีเสียงขึ้นสูงลงต่ำอยู่บ้าง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ยังอัพไม่จบเลย หลายเรื่องเลย อัพมาครึ่งทางแล้วทำไมหยุดอัพดื้อๆค่ะ...
จะอัพเมื่อไหร่คะ...
มาต่อเร็วๆนะแอด...
หยุดอีกแล้ว...
กระหม่อม หม่อมฉัน สลับมั่วไปหมด...
มาอ่านต่อกันเร็วๆ แอดกลับมาอัพต่อแล้ว ขอบคุณค่ะ...
สนุกมาก น่าติดตามมาก เขียนและแปลได้ดีจริงๆ ดีใจที่กลับมาลงต่อ อัพเดตเรื่อยๆ วันละหลายๆ ตอน นะคะ...
หยุดชะงักลงตรงบทนี้ ต่อหรือพอเพียงแค่นี้😁...
หยุดแค่นี้หรือไปต่อ😁...
อัพต่อรออยู่ค่ะ...