สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 674

เย่จิ่งอวี้ชะลอความเร็วลงทันที และติดตามจูอวี้เหยียนไปตลอดทาง เห็นนางหยุดอยู่ที่ประตูหอแห่งหนึ่ง ซึ่งมีตัวอักษรเขียนไว้ว่า สำนักเซียวเหยา

หลังจากปะปนเข้าไปในสำนักอวิ๋นซานแล้ว เย่จิ่งอวี้ก็ค้นพบบางสิ่งบางอย่าง

เดิมสำนักเหล่านี้มีพื้นที่ฝึกฝนของตนเอง แต่เนื่องจากต้องต่อกรกับคนตงหลิว จึงซื้อหาสถานที่บนชายฝั่งทะเลเหนือ และแต่ละสำนักจึงสร้างที่อยู่อาศัยชั่วคราว

ไม่เพียงแต่หอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงสำนักเซียวเหยาด้วย

จู่ๆ จูอวี้เหยียนก็มาถึงที่นี่โดยไม่คาดคิด หรือว่านางมีส่วนเกี่ยวข้องกับสำนักเซียวเหยา?

สตรีคนนี้มีจิตใจชั่วร้าย สำนักเซียวเหยาก็ไม่ใช่สำนักที่ดีเด่อะไร เมื่อทั้งสองมารวมกัน ไม่รู้ว่าจะมีหายนะอะไรเกิดขึ้น

แต่ในขณะนี้ เย่จิ่งอวี้ไม่มีกะจิตกะใจจะสืบสวนเรื่องนี้ เขาต้องรีบกลับไปที่หอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์โดยเร็วที่สุด เพื่อสืบข่าวเรื่องฮวาเชียน ซึ่งเป็นจุดประสงค์สำคัญที่เขาต้องรั้งอยู่ต่อ

ครั้นแล้วเย่จิ่งอวี้ก็ใช้วิชาตัวเบา และสิบห้านาทีต่อมา เขาก็มาถึงบริเวณใกล้ๆ แว่วเสียงซูถูพูดว่า “ในเมื่อเจ้าสำนักเฮ่อพูดเช่นนั้น งั้นพวกเราจะรอคำตอบ สามวันนับจากนี้ เราจะกลับมาอีกครั้ง”

ดูเหมือนว่าทั้งสองฝ่ายปรองดองชั่วคราวเป็นผลสำเร็จแล้ว เย่จิ่งอวี้รีบมาอยู่ด้านหลังซูถู และแสร้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

เฮ่ออวิ๋นทงพูดเรียบๆ “ข้าพูดคำไหนคำนั้น ภายในสามวัน จะต้องสอบหาความจริงสาเหตุการตายของหมอเทวดาหนิงได้อย่างแน่นอน”

ซูถูลูบเครา พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เจ้าสำนักเซี่ยวอย่าคิดมาก ถึงอย่างไรก็ต้องสืบความจริงเรื่องนี้ให้กระจ่างให้ได้ เพื่อให้หมอเทวดาหนิงตายอย่างสงบ อีกอย่างคือพิณการเวก แม้ว่าสิ่งนี้เป็นของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ แต่มันมีความสำคัญอย่างยิ่งในการสู้รบที่เป่ยไห่ ขอให้เจ้าสำนักเซี่ยวเห็นแก่สถานการณ์โดยรวม ส่งมอบของสิ่งนี้ออกมา ต่อสู้กับศัตรูด้วยกัน”

สีหน้าท่าทางของเจ้าสำนักเซี่ยวมืดมนอย่างยิ่ง หากเฮ่ออวิ๋นทงไม่รั้งเขาไว้ เขาคงลงมือไปนานแล้ว

“ซูถู เจ้าอย่าเอาใต้หล้ามาบีบข้า ในใจเจ้ามีเจตนาอย่างไรนั้น คิดว่าข้าจะไม่รู้จริงๆ หรือ หลายปีที่ผ่านมาเจ้าหาข้ออ้างเหล่านี้ เพื่อรวบรวมสมบัตินับไม่ถ้วนจากสำนักต่างๆ บัดนี้เจ้านึกอยากได้พิณการเวกอีก ซึ่งนั่นเป็นเพียงฝันกลางวันเท่านั้น ต่อให้ข้าต้องทำลายพิณตัวนี้ ก็ไม่มีวันส่งให้เจ้า”

เจ้าสำนักเซี่ยวแอบถ่ายทอดกำลังภายในบางส่วน เสียงอันทรงพลังก็เหมือนกับเสียงระฆังใหญ่ที่ดังสะเทือนหูของทุกคน เสื้อคลุมปลิวไปตามสายลม ดวงตาที่เหมือนเหยี่ยวคมกริบราวกับมีด ท่วงท่าดุดัน

เดิมทีมีอีกหลายคนที่อยากจะพูดบางอย่าง แต่เมื่อเห็นท่วงท่าที่เจ้าสำนักเซี่ยวแสดงออกมา พวกเขาก็ตกใจจนกลืนคำพูดกลับคืน

ซูถูก็หวาดกลัวอยู่บ้างเช่นกัน แต่โชคดีที่มีคนจำนวนมาก ผู้ที่มาในวันนี้ล้วนเป็นบุคคลที่มีหน้ามีตาจากสำนักต่างๆ หากพวกเขาได้รับบาดเจ็บ หอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์จะตกเป็นเป้าโจมตีของทุกคนแน่นอน ตอนนี้ เขากลับรอคอยให้มีการต่อสู้กันด้วยซ้ำ

เย่จิ่งอวี้ที่อยู่ข้างหลังเขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ซูถูผู้นี้ดูเผินๆ เหมือนจะเป็นมิตร แต่ข้างในกลับไม่ใช่แบบนั้น เขาบีบเค้นหลายครั้งก็เพราะพิณนี้ หรือว่าของสิ่งนี้เป็นเครื่องมือสังหารที่ร้ายกาจจริงๆ?

เสวียน‍เอ๋อร์นำพิณเข้ามาในวังในวันนั้น เย่จิ่งอวี้ก็เคยเห็นแล้ว แต่กลับมองไม่เห็นถึงความพิเศษอย่างใด อาจมีเพียงบางคนเท่านั้นที่สามารถแสดงอานุภาพของพิณนี้ได้

ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เขายังได้ยินว่าคนที่ใช้พิณการเวกเป็นลูกสาวบุญธรรมของเจ้าสำนักเซี่ยว แต่ในใจก็เกิดมีคำถามใหม่

ได้ยินเสวียน‍เอ๋อร์บอกว่าพิณนี้เป็นของตกทอดจากภรรยาของปรมาจารย์กระบี่ลิ่นเซียว ทำไมถึงไปอยู่ในมือของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ได้ พวกเขาครองครองของสิ่งนี้มาก่อนดอย่างมีหลักฐาน ซึ่งไม่ใช่การแย่งชิงมาด้วย

เมื่อคิดได้ดังนี้ เย่จิ่งอวี้ก็หรี่ตาลงเล็กน้อย และครู่หนึ่ง ดวงตาก็เป็นประกายวาววับ

เขามาอยู่ที่เป่ยไห่เพียงช่วงเวลาสั้นๆ ยังไม่รู้เรื่องต่างๆ ทุกแง่มุม ดังนั้นอย่าด่วนสรุปจะดีกว่า

ในขณะที่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้น ซูถูพูดอย่างไม่พอใจ “เหตุใดเจ้าสำนักเซี่ยวจึงมีทิฐิสูงแบบนี้ หรือว่าสำนักของเจ้าเพียงผู้เดียว ก็สามารถต้านทานคนตงหลิวได้?”

คนอื่นๆ ก็คล้อยตามทันที

“ถูกต้อง หากต้องการเอาชนะคนตงหลิว ต้องอาศัยความร่วมมือกันของพวกเรา เจ้าสำนักเซี่ยวไม่ควรดื้อรั้น”

“ใช่แล้ว ทุกคนมาที่นี่เพื่อจุดประสงค์เดียวกัน ทำไมเจ้าสำนักเซี่ยวถึงยึดมั่นแต่ความคิดของตัวเอง”

“เจ้าสำนักเซี่ยว เพื่อเห็นแก่อาณาประชาราษฎร์ในใต้หล้า ท่านมอบพิณออกมาเถอะ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์