แล้วเย่จิ่งอวี้ก็นึกถึงน้ำพุวิญญาณของอินชิงเสวียน รีบพูดทันควัวน “ต้องรบกวนเสวียนเอ๋อร์แล้ว”
อินชิงเสวียนยิ้มอย่างอ่อนโยน
“หวนไท่เฟยก็เป็นเสด็จแม่ของข้าเช่นกัน อาอวี้ไม่ต้องเกรงใจเพียงนี้”
เย่จิ่งอวี้พยักหน้าอย่างซาบซึ้ง อินชิงเสวียนเป็นดาวนำโชคของเขาจริงๆ ไม่ว่าเขาจะประสบพบเจอปัญหาอะไรก็ตาม ตราบใดที่สาวน้อยคนนี้ยังอยู่ นางก็สามารถช่วยเขาจัดการได้
ได้มีภรรยาเช่นนี้ นับเป็นวาสนาอย่างแท้จริง!
อินชิงเสวียนหยิบถุงน้ำออกจากแขนเสื้อ เย่จิ่งอวี้ก็เอื้อมมือไปรับ แล้วยกร่างหวนไท่เฟยขึ้นอย่างระมัดระวัง และค่อยๆ ป้อนให้นางดื่ม
ฮวาเชียนไม่หวังกับสิ่งนี้มากนัก นับตั้งแต่ผู้คุมตราเซี่ยวสลบไสลไม่ได้สติ เจ้าสำนักเซี่ยวก็เดินทางไปขอยาถอนพิษจากสำนักต่างๆ กินยาไปมากแต่ก็ไม่มีผล แล้วยาที่ใสเหมือนน้ำเปล่านี้ จะทำอะไรได้
แต่ถึงอย่างไร นี่คือความกตัญญูของฝ่าบาทและกุ้ยเฟย นางจึงไม่มีอะไรจะพูดมากนัก แค่ถอนหายใจเบาๆ และถอนตัวออกไป
เย่จิ่งหลานยืนอยู่ในห้องคนเดียว รู้สึกประดักประเดิดพอสมควร แต่แล้วเขาก็ถอยออกไปอย่างรู้สถานการณ์
ในห้องนั้น เย่จิ่งอวี้วางเสด็จแม่ของเขาไว้บนเตียง สำหรับน้ำพุวิญญาณของอินชิงเสวียน เขามีความมั่นใจเป็นอย่างยิ่ง
ของสิ่งนี้ไม่เพียงแต่ช่วยชะล้างพิษเท่านั้น แต่ยังมีผลในการฟื้นฟูด้วย แต่ไม่รู้ว่าจะใช้ได้ผลกับการแว้งกัดของพิณการเวกหรือไม่
เมื่อนึกถึงตรงนี้ เขาก็มองไปที่อินชิงเสวียนทันที ถามอย่างกังวล “เสวียนเอ๋อร์เมื่อครู่ที่ได้ดีดพิณ เจ้ารู้สึกไม่สบายตัวบ้างหรือไม่”
อินชิงเสวียนลองตรวจตัวเองอย่างระมัดระวัง แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ทุกอย่างเรียบร้อยดี ไม่รู้สึกอะไรเลย”
เย่จิ่งอวี้จึงรู้สึกโล่งใจ
“บางทีสิ่งนี้อาจมีผลแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล”
เมื่อนึกถึงลิ่นเซียวที่บุกเข้าไปในวังหลวง ยืนกรานที่จะรับอินชิงเสวียนเป็นลูกศิษย์ คิดว่าคงมองเห็นถึงความสามารถบางอย่างของนาง
อินชิงเสวียนก็ไม่รู้ว่าทำไม แต่ถึงอย่างไรนางก็สบายดี
เมื่อเห็นว่าหวนไท่เฟยยังไม่ฟื้น จึงถามว่า “ทำไมอาอวี้ถึงสวมเสื้อผ้าจากสำนักอื่นล่ะ เจ้าสำนักเซี่ยวพาท่านมาที่นี่ เกิดอะไรขึ้นกันแน่”
เย่จิ่งอวี้พูดแช่มช้า “เรื่องนี้จริงๆ แล้วถึงจะผิดแต่ก็มีข้อดีอยู่...”
สิบห้านาทีต่อมา อินชิงเสวียนเข้าใจถึงต้นสายปลายเหตุของเหตุการณ์ทั้งหมดในที่สุด อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจกับความหัวแข็งของผู้เฒ่าเซี่ยว หากชี้แจงเรื่องนี้ให้ชัดเจนจั้งแต่ก่อนหน้านี้ คงไม่ต้องใช้ทางอ้อมเช่นนี้
“โชคดีที่อาอวี้ยังไม่ได้ไปจากเป่ยไห่ ไม่เช่นนั้น ข้าและจ้าวเอ๋อร์คงไม่ได้เห็นหน้าท่านแล้ว”
เย่จิ่งอวี้ตกใจ
“จ้าวเอ๋อร์ก็มารึ เขาอยู่ที่ไหน”
“เอ่อ ฝูอี้อ๋องก็มีมิติวิเศษอยู่เช่นกัน ไม่เพียงแต่จ้าวเอ๋อร์เท่านั้น แต่ยังมีไป๋เสวี่ยด้วย ข้ากลัวว่ามันจะได้รับบาดเจ็บ ข้าจึงไม่ปล่อยให้มันออกมา”
เย่จิ่งอวี้ประหลาดใจเล็กน้อย ทำไมเย่จิ่งหลานถึงมีมิติวิเศษด้วย น้องชายคนนี้ดูเงียบๆ แต่กลับมีทักษะทางการแพทย์ บัดนี้ยังมีสมบัติวิเศษอีก ทำไมคนรอบตัวเขา อยู่ๆ ก็แปลกกันไปหมด?
เมื่อคิดถึงทักษะทางการแพทย์ เย่จิ่งอวี้ก็คว้ามือของอินชิงเสวียนอีกครั้ง
“ในเมื่อฝูอี้อ๋องก็มาแล้ว ไม่แน่ว่าเขาอาจจะรักษาเสด็จแม่ได้ รีบให้เขาเข้ามาตรวจดูเร็ว”
อินชิงเสวียนพยักหน้า
“ได้ ข้าจะไปเรียกเขาเข้ามา”
เย่จิ่งหลานกำลังเดินเตร่ไปทั่วสนามหญ้าอย่างเบื่อหน่าย เมื่อเห็นอินชิงเสวียนโบกมือให้ตัวเอง เขาก็รีบวิ่งไปทันที
“มีอะไรหรือ”
อินชิงเสวียนกล่าวว่า “ฝ่าบาทอยากให้เจ้าไปตรวจอาการของหวนไท่เฟย”
เมื่อครู่เย่จิ่งหลานก็ได้ยินเรื่องราวมาบ้างแล้ว จึงส่ายศีรษะแล้วพูดว่า “เรื่องการแว้งกัดพวกนี้น่าจะเกี่ยวกับทำร้ายเส้นลมปราณและอวัยวะภายใน ในการแพทย์ตะวันตกของเรา ไม่มีคำอธิบายถึงเส้นลมปราณ”
จากนั้นเขาก็พูดว่า “ช่างเถอะ ไปดูก่อนค่อยว่ากันเถอะ”
ทั้งสองเข้าไปในห้อง เย่จิ่งอวี้กำลังใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดหน้าให้หวนไท่เฟย สีหน้าเต็มไปด้วยการเทิดทูน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ยังอัพไม่จบเลย หลายเรื่องเลย อัพมาครึ่งทางแล้วทำไมหยุดอัพดื้อๆค่ะ...
จะอัพเมื่อไหร่คะ...
มาต่อเร็วๆนะแอด...
หยุดอีกแล้ว...
กระหม่อม หม่อมฉัน สลับมั่วไปหมด...
มาอ่านต่อกันเร็วๆ แอดกลับมาอัพต่อแล้ว ขอบคุณค่ะ...
สนุกมาก น่าติดตามมาก เขียนและแปลได้ดีจริงๆ ดีใจที่กลับมาลงต่อ อัพเดตเรื่อยๆ วันละหลายๆ ตอน นะคะ...
หยุดชะงักลงตรงบทนี้ ต่อหรือพอเพียงแค่นี้😁...
หยุดแค่นี้หรือไปต่อ😁...
อัพต่อรออยู่ค่ะ...