อินชิงเสวียนหันขวับ ด้านหลังสิบเมตรมีหญิงวัยกลางคนสวมกระโปรงคาดอกผ้าหยาบๆ ยืนอยู่
หญิงคนนั้นมีรูปร่างหน้าตาธรรมดา อายุราวๆ สามสิบปี มีผ้าลายดอกไม้ผูกอยู่บนศีรษะ ดูไม่ต่างจากหญิงชาวนาทั่วไป
อินชิงเสวียนยังคงจำเสียงที่คุ้นเคยของเจ้าของที่แท้จริงเบื้องหลังหน้ากากได้
“เป็นเจ้า ฟางรั่ว?”
ฟางรั่วถอดหน้ากากออก แล้วพูดด้วยน้ำเสียงสงบ “ใช่ ข้าเอง”
ซื่อเมี่ยวอินรีบเข้ามาขวางอยู่เบื้องหน้าของหน้าอินชิงเสวียนทันที มองไปที่ฟางรั่วอย่างระมัดระวัง
นัยน์ตาของฟางรั่วฉายแววเย้ยหยัน
“สมแล้วที่เป็นกุ้ยเฟย ไม่ว่าจะไปที่ไหน ก็มีความเอิกเกริกยิ่งใหญ่เช่นนี้”
อินชิงเสวียนอุ้มเสี่ยวหนานเฟิงขึ้น แม้ว่าวรยุทธ์ของฟางรั่วจะถูกทำลาย แต่ก็จะชะล่าใจไม่ได้ ท้ายที่สุดแล้ว กระต่ายจนมุมก็กัดคน
“ไม่จำเป็นต้องพูดคำประชดพวกนี้หรอก เจ้ากับข้าวิถีทางไม่ตรงกันอย่ามาร่วมทางกัน ไม่จำเป็นต้องเจอกัน”
ฟางรั่วไม่ขยับ ดวงตายังคงมองจับไปที่อินชิงเสวียน
“อินชิงเสวียน เจ้าไม่อยากร่วมมือกับข้าจริงๆ หรือ”
“ไม่จำเป็น พวกเราไปกันเถอะ”
อินชิงเสวียนไม่ต้องการพูดไร้สาระกับฟางรั่วอีก จึงอุ้มเสี่ยวหนานเฟิงหันหลังเดินกลับ จากนั้นก็ได้ยินฟางรั่วพูดว่า “ถ้าอาซือหลานยังไม่ตาย เจ้าจะว่าอย่างไร”
อินชิงเสวียนตกตะลึง ชะงักฝีเท้าทันที
“เจ้าว่าอะไรนะ”
ฟางรั่วสวมหน้ากาก แล้วพูดเบาๆ “อาซือหลานยังไม่ตาย แถมตอนนี้ยังอยู่ที่ชายฝั่งเป่ยไห่”
“เขาอยู่ที่ไหน”
อินชิงเสวียนส่งเสี่ยวหนานเฟิงให้กับฉินเอ๋อร์ ส่วนตัวเองได้เดินมาอยู่ข้างหน้าฟางรั่วแล้ว
ฟางรั่วกระตุกมุมปากขึ้นเล็กน้อย นางรู้อยู่แล้วว่าอินชิงเสวียนไม่อาจนิ่งเฉยได้
“เขาอยู่ในสำนักเซียวเหยา เวลานี้เขาสวมหมวกสานใบใหญ่ คลุมผ้าดำยาวถึงข้อเท้า คงเปลี่ยนตัวตนไปแล้ว”
ครั้นได้ยินดังนี้ อินชิงเสวียนก็ตกตะลึง
“หรือว่า อาซือหลานก็คือฉุยอวี้?”
“เขาเป็นใครข้าไม่รู้ ข้ากับกวนเซี่ยวเพิ่งมาถึงเป่ยไห่ โชคดีที่ฟ้ามีตา ให้ข้าพบกับอาซือหลาน”
เสียงของฟางรั่วเย็นชา ไม่สามารถซ่อนความเกลียดชังในดวงตาได้
อินชิงเสวียนขมวดคิ้วเล็กน้อย แม้ว่าวรยุทธ์ของอาซือหลานจะแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่สามารถเทียบชั้นกับเจ้าสำนักได้ ถ้าฟางรั่วไม่ได้โกหก เช่นนั้นอาซือหลานคงไปเจอกับเรื่องมหัศจรรย์อะไรมาแน่
เมื่อคิดถึงสายตาที่จ้องราวกับมองร่างเปลือยเปล่านั้น อินชิงเสวียนก็อดเชื่อไม่ได้
“กวนเซี่ยวก็มาด้วย? เขาอยู่ที่ไหน อัคราจารย์รู้หรือไม่”
ฟางรั่วกล่าวว่า “กวนเซี่ยวอยู่ที่โรงเตี๊ยม ข้าแอบหนีออกมา”
นางเม้มริมฝีปากแล้วพูดต่อว่า “จอมพลเฒ่ากวนคงไม่รู้”
เจ้าคนคลั่งรักนั่นก็ไม่รู้จักคิดเสียบ้างว่าเป่ยไห่เป็นสถานที่เช่นไร หากเขาเสียชีวิตที่นี่ ผู้เฒ่ากวนก็อยู่ไม่ได้แน่นอน
“ทำไมเจ้าไม่อยู่กับเขาล่ะ”
อินชิงเสวียนถามอย่างเย็นชา
ฟางรั่วหันหน้ามองทะเลคลื่นลมแรง น้ำเสียงเจือความขมขื่นเล็กน้อย ปะปนไปด้วยความอ่อนโยนที่หาได้ยาก
“ข้าหวังว่าเขาจะรู้ว่ายากแล้วยอมถอย ตราบใดที่เขาหาข้าไม่พบ ก็ไม่มีเหตุผลที่จะอยู่ในเป่ยไห่อีก”
อินชิงเสวียนขมวดคิ้ว
“เขาตามจากเมืองหลวงมาจนถึงที่นี่ได้ แล้วจะจากไปง่ายๆ เช่นนี้ได้อย่างไร เจ้ากลับไปหาเขาดีกว่า”
“ข้าจะไม่ได้เจอเขาอีก อินชิงเสวียน เห็นแก่ที่เราทั้งคู่เป็นศัตรูของอาซือหลาน ข้าหวังว่าเจ้าจะหาที่อยู่ให้ข้าได้ ตราบใดที่สามารถฆ่าอาซือหลานด้วยมือข้าเอง ต่อให้ต้องทำงานเป็นวัวเป็นม้า ข้าฟางรั่วก็ไม่กล่าวโทษ”
ฟางรั่วงอเข่าและคุกเข่าลง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ยังอัพไม่จบเลย หลายเรื่องเลย อัพมาครึ่งทางแล้วทำไมหยุดอัพดื้อๆค่ะ...
จะอัพเมื่อไหร่คะ...
มาต่อเร็วๆนะแอด...
หยุดอีกแล้ว...
กระหม่อม หม่อมฉัน สลับมั่วไปหมด...
มาอ่านต่อกันเร็วๆ แอดกลับมาอัพต่อแล้ว ขอบคุณค่ะ...
สนุกมาก น่าติดตามมาก เขียนและแปลได้ดีจริงๆ ดีใจที่กลับมาลงต่อ อัพเดตเรื่อยๆ วันละหลายๆ ตอน นะคะ...
หยุดชะงักลงตรงบทนี้ ต่อหรือพอเพียงแค่นี้😁...
หยุดแค่นี้หรือไปต่อ😁...
อัพต่อรออยู่ค่ะ...