“อะไรนะ”
เย่จิ่งอวี้ตกใจ
ในวันนั้นเขาตรวจสอบด้วยตัวเอง พบว่าอาซือหลานตายไปแล้วจริงๆ แล้วจะมีชีวิตอยู่อีกครั้งได้อย่างไร
“อันที่จริงตอนที่ร่างของอาซือหลานหายไป ข้าก็สงสัยแล้วว่าเขายังไม่ตาย ในที่สุดวันนี้ก็แน่ใจได้ เขาไม่เพียงแค่ยังมีชีวิตอยู่ แต่ยังเปลี่ยนแปลงตัวตน กลยเป็นฉุยอวี้เจ้าสำนักเซียวเหยา”
หลังจากได้ยินคำพูดของอินชิงเสวียน เย่จิ่งอวี้ก็ตกตะลึงอีกครั้ง
ฉุยอวี้คืออาซือหลานจริงๆ งั้นหรือ
เรื่องนี้จะเป็นไปได้อย่างไร
อินชิงเสวียนรู้ว่าเขาไม่อาจเชื่อได้ในทันทีทันใด จึงบอกเย่จิ่งอวี้เรื่องที่นางได้เจอกับฟางรั่วที่ชายหาด
เย่จิ่งอวี้ยืนขึ้น จ้องเขม็งและพูดว่า “มิน่าเล่าฉุยอวี้ถึงได้มุ่งเป้ามาที่หอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์กับพวกเราซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถ้าเขาเป็นอาซือหลานจริงๆ ทั้งหมดก็อธิบายได้แล้ว”
เขายกมุมปากขึ้น รอยยิ้มอันเย็นชาปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลา
“มีทางสวรรค์เขาไม่เดิน แต่นรกไร้ประตูเขากลับถึงดันจะไปจริงๆ คราวนี้ ต้องทำให้เขากลายเป็นเถ้าธุลี ไม่มีวันได้ผุดได้เกิดอีกเลย”
อินชิงเสวียนเทน้ำพุวิญญาณจำนวนหนึ่ง จิบเบาๆ แล้วมองไปที่เย่จิ่งอวี้พูดว่า “หรือว่าอาอวี้มีแผนแล้วงั้นหรือ”
“ไม่ต้องวางแผน แค่ตรงเข้าไปเลย”
เย่จิ่งอวี้เอามือไพล่หลัง เดินข้างน้ำพุสองก้าว สีหน้าดูตื่นเต้นขึ้นหลายส่วน
“ชื่อเสียงของสำนักเซียวเหยาในเป่ยไห่ไม่ดี ตราบใดที่เราแฉตัวตนของเขาต่อสาธารณะ เขาจะตกเป็นเป้าหมายโจมตีของทุกคนแน่นอน”
อินชิงเสวียนคิดดูแล้วก็เห็นว่าจริง ตราบใดที่ตัวตนของเขาถูกเปิดเผย ก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเพียงนั้น
“หากต้องการเปิดโปงต่อสาธารณชน ตอนนี้มีโอกาสอยู่พอดี”
แล้วอินชิงเสวียนก็เล่าเรื่องที่เย่จิ่งหลานรู้จักกับโมริตะคาวาสึบาเมะให้เขาฟังอีก
เรียวตาหงส์ของเย่จิ่งอวี้เลิกขึ้น นัยน์ตาฉายแววประหลาดใจอีกครั้ง จากนั้นก็หัวเราะเบาๆ และพูดว่า “ถ้าเป็นเช่นนี้จริงๆ เรื่องนี้ก็ได้การแล้ว ไม่คิดว่าน้องชายของข้าคนนี้ จะมีความสามารถเช่นนี้”
อินชิงเสวียนพูดด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย “เขามีกลอุบายมากมายจะตาย”
เย่จิ่งอวี้ยื่นนิ้วออกมาลูบสันจมูกของอินชิงเสวียนเบาๆ
พูดอย่างรักใคร่เอ็นดู “เสวียนเอ๋อร์ของข้าไม่ได้ด้อยกว่าเขา ไปกันเถอะ เราควรออกไปข้างนอกได้แล้ว”
อินชิงเสวียนตอบอืม แล้วพาเย่จิ่งอวี้ออกจากมิติ
พวกเขาทั้งสี่ปรึกษาหารือเรื่องนี้ในห้องของเย่จิ่งหลาน เมื่อพระอาทิตย์ตกดิน เซี่ยวอิ๋นหวนกลับมา ทุกอย่างก็ราบรื่น
คนตงหลิวเป็นเรื่องใหญ่ในเป่ยไห่มาโดยตลอด โดยที่ทุกสำนักยึดถือหลักการที่ว่า ยอมเชื่อว่ามีอยู่จริง ดีกว่าเชื่อว่าไม่มีจริง แต่ละสำนักจึงได้จัดวางกำลังอย่างลับๆ เพื่อเตรียมการโจมตีพวกคนตงหลิวให้ถึงแก่ชีวิต
เซี่ยวอิ๋นหวนไปที่เรือนจำเหล็กอีกครั้ง เพื่อพบกับท่านเจ้าสำนักเซี่ยว
ชายชราถือขาไก่ในมือซ้าย และสุราในมือขวา ยิ่งดูสบายใจมากกว่าตอนที่อยู่ในหอด้วยซ้ำ
เมื่อรู้ว่าเจ้าสำนักเซี่ยวมีสภาพจิตใจที่ดี ทุกคนก็โล่งใจ สิ่งที่พวกเขาต้องทำตอนนี้คือรอ หลังจากที่ทำให้คนตงหลิวได้รับบาดเจ็บสาหัส ค่อยไปจัดการกับอาซือหลาน จึงจะเป็นโอกาสที่ดีที่สุด
แม้ว่าฟางรั่วจะร้อนใจดั่งไฟแผดเผา แต่ก็สามารถแยกแยะหนักเบาได้ จึงต้องอดทนไว้ก่อน
ในไม่ช้าพระอาทิตย์เคลื่อนลับขอบทะเล เมื่อมองดูแสงระเรื่อสุดท้าย ฟางรั่วก็ยังไม่สามารถสงบสติอารมณ์ในใจได้
แม้ว่านางจะแสร้งทำเป็นเย็นชาและโหดเหี้ยม แต่นั่นก็เป็นเพียงการตบตา กวนเซี่ยวกับนางเดินทางมาด้วยกัน ทำนั่นทำนี่ให้ตลอด แม้แต่แมวหรือสุนัขก็ต้องมีความรู้สึก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงมนุษย์ตัวโตเลย
นางอยากให้อินชิงเสวียนส่งคนไปดูที่โรงเตี๊ยมหลายครั้ง แต่ก็กลัวว่าจะถูกเยาะเย้ย จึงต้องระงับความกังวลในใจ หวังแค่ว่ากวนเซี่ยวจะปลงตก และเดินทางกลับเมืองหลวงในไม่ช้า
ในขณะที่ฟางรั่วกำลังแอบภาวนา กวนเซี่ยวยังคงรับผิดชอบยืนเฝ้าอยู่หน้าห้อง
เขาคิดว่าฟางรั่วเหนื่อย และหลับไปแล้ว จึงไม่กล้าเปิดประตูรบกวนนาง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ยังอัพไม่จบเลย หลายเรื่องเลย อัพมาครึ่งทางแล้วทำไมหยุดอัพดื้อๆค่ะ...
จะอัพเมื่อไหร่คะ...
มาต่อเร็วๆนะแอด...
หยุดอีกแล้ว...
กระหม่อม หม่อมฉัน สลับมั่วไปหมด...
มาอ่านต่อกันเร็วๆ แอดกลับมาอัพต่อแล้ว ขอบคุณค่ะ...
สนุกมาก น่าติดตามมาก เขียนและแปลได้ดีจริงๆ ดีใจที่กลับมาลงต่อ อัพเดตเรื่อยๆ วันละหลายๆ ตอน นะคะ...
หยุดชะงักลงตรงบทนี้ ต่อหรือพอเพียงแค่นี้😁...
หยุดแค่นี้หรือไปต่อ😁...
อัพต่อรออยู่ค่ะ...