สำนักอื่นๆ ก็เริ่มนับจำนวนศิษย์ที่ได้รับบาดเจ็บ ต่างทยอยออกจากชายฝั่ง
อินชิงเสวียนจับมือของเซี่ยวอิ๋นหวน แล้วพูดด้วยเสียงแผ่วเบา “ท่านแม่ เราก็ไปกันเถอะ!”
เซี่ยวอิ๋นหวนพยักหน้า หันไปหาเจ้าสำนักเซี่ยว ในใจรู้สึกไม่สบายเล็กน้อย
ชายชราคนนี้หัวแข็งมาก เสวียนเอ๋อร์พูดแทนเขาเช่นนี้ จะเดือดดาลขึ้นมาอีกหรือไม่
แต่เห็นเจ้าสำนักเซี่ยวเอามือไพล่หลัง มีรอยยิ้มบนริมฝีปาก พูดแช่มช้า “กลับได้แล้ว”
หลังจากพูดจบเขาก็ก้าวอาดๆ เดินจากไป
เซี่ยวอิ๋นหวนรู้สึกประหลาดใจ นี่เป็นพ่อบุญธรรมที่ดื้อรั้นและฉุนเฉียวของนางอยู่หรือเปล่า?
คนบนชายฝั่งแยกย้ายกันไปอย่างรวดเร็ว มีเพียงอาซือหลานเท่านั้นที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม
เขาหันศีรษะมองดูร่างอรชรพร้อมรอยยิ้มชั่วร้ายบนริมฝีปาก
ได้สีชิงเสวียน เราจะได้พบกันเร็วๆ นี้ ถ้าเจ้ารู้ว่าฉุยอวี้คือข้า จะต้องมีความสุขมากอย่างแน่นอน!
เขาหัวเราะเนิ่นนาน จากนั้นใช้วิชาตัวเบากลับไปที่สำนักเซียวเหยา
หอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์
ทุกคนกลับมาถึงหอแล้ว เจ้าสำนักเซี่ยวอารมณ์ดีมาก
ทันทีที่เข้าไปในประตูก็พูดกับลูกศิษย์ว่า “ไปซื้อสุราให้ข้าสักไหสิ วันนี้ข้าอยากจะดื่มให้สะใจ”
เมื่อเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของชายชรา เหล่าศิษย์ก็อดไม่ได้ที่จะตื่นตระหนก คิดในใจว่าเจ้าสำนักคงจะเหนื่อยจนสับสนไปแล้วกระมัง ทุกครั้งหลังการต่อสู้ เขาจะอารมณ์เสียมาก สีหน้ามืดมนอย่างยิ่ง วันนี้เกิดอะไรขึ้น
อินชิงเสวียนก็ต้องการถามเจ้าสำนักเซี่ยวเรื่องเย่จิ่งอวี้อยู่เช่นกัน จึงถือโอกาสนี้เอาใจ
“ผู้อาวุโสเซี่ยว ตอนที่มาผู้เยาว์ก็นำสุรามาด้วย หากผู้อาวุโสไม่รังเกียจ ข้าจะเอาออกมาให้ท่านตอนนี้”
เจ้าสำนักเซี่ยวพยักหน้าอย่างมีความสุข
“ดีๆ”
อินชิงเสวียนรีบเข้าไปในห้อง
คนในสมัยโบราณดื่มเหล้าเก่งมาก สำหรับยอดฝีมืออย่างเจ้าสำนักเซี่ยวแล้ว เหล้าขาวหนึ่งขวดไม่คณนามือเขา เพื่อเผื่อเอาไว้ นางจึงตัดสินใจแลกทีเดียวห้าขวด
จากนั้นก็เดินเข้าไปในห้องของเย่จิ่งหลาน
“เย่จิ่งหลานเจ้าอยู่หรือไม่ กลับมาแล้วหรือยัง”
ปรากฏแสงวูบวาบต่อหน้า ห้องผ่าตัดก็ปรากฏขึ้นจากอากาศ
เห็นผู้หญิงหน้าซีดนอนอยู่บนนั้น แขนข้างหนึ่งมีผ้าพันแผลหนาพันไว้
เก่อหงยวน!
อินชิงเสวียนไม่เห็นนางเลย คิดว่านางถูกคนจากสำนักเทียนหยวนพากลับไปแล้ว แต่ไม่คาดคิดว่าจะอยู่ที่นี่
แม่นางคนนี้แม้ว่าจะจงใจหาเรื่องนางทั้งอย่างเปิดเผยหรือซ่อนเร้น แต่ท่าทางที่นางลุกขึ้นจากพื้นดินครั้งแล้วครั้งเล่า ก็ประทับอยู่ในใจส่วนลึกของอินชิงเสวียน
เก่อหงยวนมองนางเฉยๆ เพราะว่าตัวเองชอบเย่จิ่งอวี้ นี่อาจเป็นความกล้าหาญชาญชัยของหนุ่มสาวในยุทธภพ ซึ่งแตกต่างจากผู้ร้อยเล่ห์มายาโดยสิ้นเชิง
เมื่อมองย้อนกลับไปถึงสถานการณ์ในเวลานั้น อินชิงเสวียนรู้สึกซาบซึ้งใจ นางมีเพียงชีวิตเดียวเท่านั้น การที่เก่อหงยวนปฏิบัติต่อคนแปลกหน้าเช่นนี้ นับเป็นสิ่งล้ำค่าที่หาได้ยาก
นางรีบหยิบขวดน้ำพุวิญญาณออกมา แล้วพูดกับเย่จิ่งหลาน “ข้าอยากให้นางดื่มบ้าง ตอนนี้ได้หรือไม่”
เย่จิ่งหลานถอดถุงมือออก
“อืม แขนของนางได้รับบาดเจ็บเพราะเจ้า เจ้าควรให้รางวัลแก่นางจริงๆ โชคดีที่ข้ามีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ไม่เช่นนั้นชีวิตนี้นางคงกลายเป็นคนพิการแล้ว”
“ข้าเป็นหนี้เจ้าอีกแล้ว”
อินชิงเสวียนเอื้อมมือไปช่วยพยุงเก่อหงยวนขึ้นมา
เย่จิ่งหลานกลอกตามองบน
“เจ้าควรขอบคุณข้าด้วยสิ่งที่ใช้ได้จริง”
อินชิงเสวียนป้อนน้ำพุวิญญาณให้เก่อหงยวนอย่างระมัดระวัง
“เจ้าต้องการอะไรล่ะ”
“เอาเป็นแกะหันทั้งตัวมาลองกินดีกว่า กินอาหารทะเลมาหลายวัน ข้าก็เบื่อแล้ว”
เย่จิ่งหลานยืดคลายกล้ามเนื้อ พูดอย่างไม่เกรงใจ
“ไม่มีปัญหา ข้าจะเอาเหล้าให้ผู้อาวุโสเซี่ยวดื่มพอดี ทำไมเจ้าไม่ไปดื่มกับเขาหน่อยล่ะ ถ้าเจ้าสามารถทำให้เขามีความสุขได้ บางทีข้าอาจจะสอนกลยุทธ์บางอย่างให้เจ้าได้”
หลังจากได้ยินคำพูดของอินชิงเสวียน เย่จิ่งหลานก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ยังอัพไม่จบเลย หลายเรื่องเลย อัพมาครึ่งทางแล้วทำไมหยุดอัพดื้อๆค่ะ...
จะอัพเมื่อไหร่คะ...
มาต่อเร็วๆนะแอด...
หยุดอีกแล้ว...
กระหม่อม หม่อมฉัน สลับมั่วไปหมด...
มาอ่านต่อกันเร็วๆ แอดกลับมาอัพต่อแล้ว ขอบคุณค่ะ...
สนุกมาก น่าติดตามมาก เขียนและแปลได้ดีจริงๆ ดีใจที่กลับมาลงต่อ อัพเดตเรื่อยๆ วันละหลายๆ ตอน นะคะ...
หยุดชะงักลงตรงบทนี้ ต่อหรือพอเพียงแค่นี้😁...
หยุดแค่นี้หรือไปต่อ😁...
อัพต่อรออยู่ค่ะ...