ครั้นดวงตาทั้งสองคู่สบกัน ชายวัยกลางคนก็รีบหลบสายตา
อินชิงเสวียนไม่สนใจ ในเหลาสุรามีผู้คนมากมาย จะมีคนสอดส่ายสายตามองไปทั่วก็เป็นเรื่องปกติ แต่แล้วทันใดนั้นก็เห็นลูกค้าจอมยุทธ์หญิงสองคนนั่งดื่มสุราอยู่ที่ประตู ท่าทางใจกล้า ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉาในใจ
ในยุคศักดินาแบบนี้ มักไม่ค่อยได้เห็นภาพเช่นนี้นัก
ในขณะที่ชื่นชมอยู่นั้น ก็มีสตรีอีกสองคนเดินขึ้นไปบนชั้นสอง
เมื่อเห็นรูปร่างหน้าตาของพวกนางอย่างชัดเจน อินชิงเสวียนก็ตะลึงงันไปชั่วขณะ
เป็นฉุยอวี้กับเฟิงเอ้อร์เหนียง!
หญิงผู้นี้เปิดกิจการเรือนจุ้ยหงในเมืองหลวงไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงปรากฏตัวที่เป่ยไห่ และทำไมถึงอยู่กับฉุยอวี้?
หรือว่าสองคนรู้จักกันอยู่แล้ว?
เมื่อพิจารณาว่าสำนักเซียวเหยามุ่งเน้นไปที่การบ่มเพาะร่างกายและจิตวิญญาณ การที่เฟิงเอ้อร์เหนียงผู้เป็นเถ้าแก่หอนางโลมจะรู้จักกับฉุยอวี้ก็ไม่แปลก
ฉุยอวี้และเฟิงเอ้อร์เหนียงหาที่นั่งริมหน้าต่าง สองคนสั่งเนื้อวัวสองจิน และสุรารสแรงสองกา แล้วต่างคนก็ต่างกินข้าว
เมื่อเห็นฉุยอวี้และเฟิงเอ้อร์เหนียงสองคน สีหน้าของชายวัยกลางคนที่มองอินชิงเสวียนก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เป็นพวกนางจริงๆ พอจะมาก็มาเองโดยที่ไม่ต้องหาให้เหนื่อยเลย
เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ตัดสินใจที่จะมุ่งเน้นไปที่การตรวจสอบพลังวิญญาณก่อน ในเมื่อฉุยอวี้และเฟิงอวิ๋นลี่ทั้งคู่อยู่ในเป่ยไห่ คิดว่าเร็วๆ นี้คงยังไม่จากไปไหน
หลังจากตัดสินใจได้แล้ว เขาก็รีบกินอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็จ่ายเงินและลงไปชั้นล่าง
ในเวลานี้ ฉุยอวี้เห็นอินชิงเสวียนแล้ว กำลังส่งยิ้มให้นาง
เฟิงเอ้อร์เหนียงก็หันหน้าไปมองเช่นกัน เมื่อนางเห็นเย่จิ่งอวี้ นัยน์ตาก็ฉายแววความประหลาดใจ
ฝ่าบาทน้อยอยู่ในวังหลวงตลอดไม่ใช่หรือ ทำไมเขาถึงมาปรากฏตัวที่นี่
จากนั้นก็ส่งยิ้มให้อินชิงเสวียนทันที
ทั้งสองครั้งที่ได้พบกัน เรียกได้ว่าอินชิงเสวียนไม่มีความประทับใจที่ดีต่อเฟิงเอ้อร์เหนียง นางแค่พยักหน้าง่ายๆ แล้วละสายตากลับมามองที่โต๊ะ
เย่จิ่งอวี้และเฮ่อฉางเฟิงคุยกันพอสมควรแล้ว จึงประกบมือคารวะพูดว่า “พี่เฮ่อมีความรู้มากจริงๆ ข้าชื่นชมมาก สักวันหนึ่งหากมีเวลาว่าง ต้องไปเยือนถึงที่แน่ แต่ไม่รู้ว่าพี่เฮ่อจะพักอยู่ที่เป่ยไห่นานแค่ไหน อนาคตวางแผนจะทำอะไร”
เฮ่อฉางเฟิงคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “พูดตามตรง ข้าน้อยแอบออกจากบ้านในขณะที่บิดาไม่อยู่ คิดว่าคงไม่อยู่ที่นี่นานนัก ได้รู้จักพวกท่านสองสามีภรรยา นับว่าการมาเยือนเป่ยไห่ครานี้ไม่สูญเปล่าแล้ว ส่วนเรื่องอนาคตยังไม่ได้ใคร่ครวญไว้เลย”
อินชิงเสวียนพูดในเวลาที่เหมาะสม “คุณชายเฮ่อมีทั้งความรู้และความสามารถ หากถูกฝังไว้ที่นี่คงน่าเสียดายมาก ไม่ทราบว่าสนใจที่จะเข้าร่วมการสอบฤดูใบไม้ผลิในปีหน้า แสดงความรู้ความสามารถในราชสำนักหรือไม่”
เฮ่อฉางเฟิงยิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า “ถ้าเป็นไปได้ ข้าน้อยก็ยินดีที่จะออกไปหาประสบการณ์ข้างนอก แต่เรื่องนี้ยังคงต้องได้รับความยินยอมจากบิดา”
เย่จิ่งอวี้พยักหน้ากล่าวว่า “ย่อมเป็นเช่นนั้น หวังว่าข้าจะได้พบกับพี่เฮ่อในเมืองหลวง ตอนนี้ดึกมากแล้ว เช่นนั้นไม่รบกวนการพักผ่อนของพี่เฮ่อแล้ว”
เมื่อเห็นหญิงสาวนั่งม้วนชายเสื้อเล่นอย่างเบื่อหน่าย เย่จิ่งอวี้ก็มีความคิดที่จะออกไปแล้ว
“รบกวนทั้งสองท่านมานานแล้ว หวังว่าปีหน้าฟ้าใหม่เราจะได้พบกันอีก”
เฮ่อฉางเฟิงให้หยวนเป่าไปจ่ายค่าอาหาร แล้วมองส่งทั้งสองออกไปที่ประตูจนสุดสายตา ด้วยแววตาอาลัยอาวรณ์ยิ่ง
หยวนเป่าที่อยู่ข้างๆ กระซิบเบาๆ “คนเขาหายไปไม่เห็นแม้แต่เงาแล้ว คุณชายยังจะมองอะไรอีกขอรับ เกรงว่าลูกตาคงจะติดไปกับตัวภรรยาของเขาแล้ว”
เฮ่อฉางเฟิงยกมือตบเขา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ยังอัพไม่จบเลย หลายเรื่องเลย อัพมาครึ่งทางแล้วทำไมหยุดอัพดื้อๆค่ะ...
จะอัพเมื่อไหร่คะ...
มาต่อเร็วๆนะแอด...
หยุดอีกแล้ว...
กระหม่อม หม่อมฉัน สลับมั่วไปหมด...
มาอ่านต่อกันเร็วๆ แอดกลับมาอัพต่อแล้ว ขอบคุณค่ะ...
สนุกมาก น่าติดตามมาก เขียนและแปลได้ดีจริงๆ ดีใจที่กลับมาลงต่อ อัพเดตเรื่อยๆ วันละหลายๆ ตอน นะคะ...
หยุดชะงักลงตรงบทนี้ ต่อหรือพอเพียงแค่นี้😁...
หยุดแค่นี้หรือไปต่อ😁...
อัพต่อรออยู่ค่ะ...