เย่จิ่งอวี้รีบพุ่งตัวเดินเข้าไปในห้อง เพียงเหลือบมองก็เห็นรอยขูดนั้น
เก่อหงยวนพูด “ครั้งก่อนที่ข้ามายังไม่มี รอยขีดนี้เหมือนยังใหม่มาก อินชิงเสวียนคงไม่ถูกใครลักพาตัวไปหรอกนะ”
เย่จิ่งอวี้ใช้นิ้วมือกดลงบนรอยเล็กน้อย ใบหน้าก็เปลี่ยนสีทันที
“ใหม่มากจริงๆ ข้าจะไปหาท่านตาเดี๋ยวนี้!”
ขณะนั้นเอง อินชิงเสวียนได้อุ้มพิณออกไปจากเป่ยไห่แล้ว
ค่ำคืนอันมืดมิด ดวงดาวไม่กี่ดวงปรากฏวับวาบอยู่ในก้อนเมฆ และลมทะเลรสเค็มพัดผ่านข้างหู ราวกับเสียงผีร้องครวญคราง ทำให้ผู้คนรู้สึกขวัญอ่อนหวาดกลัว
นางก็เคยคิดจะถอยเช่นกัน แต่เมื่อนึกถึงเย่จิ่งหลานที่ทำตามคำขอของนางทุกประการมาตลอด ตัวเองจะเพิกเฉยต่อชีวิตของเขาเพียงเพราะความกลัวในใจได้อย่างไร
อินชิงเสวียนยิ่งไม่กล้าบอกเรื่องนี้กับเย่จิ่งอวี้และเจ้าสำนักเซี่ยว หากเกิดสิ่งใดขึ้นกับเย่จิ่งหลานจริงๆ นางไม่มีทางให้อภัยตัวเองตลอดชีวิต
เมื่อได้ตัดสินใจแล้ว ตราบใดที่ได้พบกับผู้ติดต่อ นางจะใช้การช่วงชิงโชคลาภกับพวกเขา ตากนั้นค่อยหาโอกาสนำตัวเย่จิ่งหลานกลับ
นางตะบึงอย่างบ้าระห่ำตลอดทาง โดยไม่กล้าเสียเวลาแม้เสี้ยวนาทีเดียว ไม่ถึงครึ่งชั่วยามก็มาถึงทางเข้าเมือง ด้วยแสงสลัวๆ ทำให้มองเห็นตัวอักษรสามตัวเขียนว่า ‘เมืองเติงหลง’ อย่างรำไร
บนม้วนไม้ไผ่ไม่ได้เขียนที่อยู่อย่างละเอียด อินชิงเสวียนยืนที่ทางเข้าเมืองครู่หนึ่ง จึงอุ้มพิณเดินเข้าไปในเมือง
ยังไม่ทันเดินถึงสิบก้าว ก็ได้ยินเสียงคนตะโกนว่า “หยุดนะ”
อินชิงเสวียนยืนนิ่งในทันที เห็นเพียงบนยอดหลังคาซ้ายมือมีคนยืนอยู่
“เจ้าเป็นใคร?”
นางตะคอกถามด้วยความเย็นชา
ชายคนนั้นคลุมหน้าตา มีเสียงดวงตาคู่หนึ่งโผล่ออกมา สายตาที่เปล่งประกายไม่อาจปกปิดความตื่นเต้นไว้ได้
“ในมือของเจ้าคือพิณการเวกใช่หรือไม่?”
อินชิงเสวียนถามกลับด้วยสายตาที่เย็นชา “เย่จิ่งหลานอยู่ที่ใด?”
ชายคนนั้นพูดเสียงขรึม “หากต้องการพบไอ้เด็กเปตรนั่น ก็ส่งพิณมาให้พวกข้าเสีย”
“ไม่ได้ ตกลงกันแล้วว่าจะทำการยื่นหมูยื่นแมว หากไม่พบเย่จิ่งหลาน ข้าไม่มีทางเอาพิณให้พวกเจ้าแน่นอน”
“นี่ไม่ใช่เรื่องที่เจ้าเป็นคนตัดสินใจ”
ทันทีที่ชายคนนั้นผิวปาก คนจำนวนหนึ่งก็มายืนข้างเขา ทุกคนล้วนมีลำตัวเตี้ยและผอมแห้ง ดูจากรูปร่างของพวกเขาแล้ว ต้องเป็นชาวตงหลิวอย่างแน่นอน
หอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์มีลูกศิษย์ก่อกบฏจริงหรือ สมคบคิดกับตงหลิวอยู่นานแล้วงั้นหรือ?
อินชิงเสวียนครุ่นคิดทันที แต่ไม่ได้ยืนนิ่งๆ นางช่วงชิงโชคลาภกับพวกเขาทีละคน
ชาวตงหลิวที่สามารถมาถึงที่นี่ล้วนไม่ใช่ผู้ธรรมดา อินชิงเสวียนเปิดนิ้วทองคำถึงระดับใหญ่ที่สุด
ระหว่างเคลื่อนย้ายความคิด พวกเขาก็บินลงมาจากหลังคา กระโจนเข้าหาอินชิงเสวียน
วินาทีนั้นเอง ในหัวสมองของอินชิงเสวียนมีกระบวนท่ามากมายผุดขึ้นมา นางไม่ทันได้คิดอย่างละเอียด จึงรีบโผบินถอยออกไป
นางไม่มีประสบการณ์ในการต่อสู้มากนัก ดังนั้นนางจึงสามารถรับมือกับคนๆ หนึ่งได้ แต่ต้องตื่นตระหนกตกใจจนทำอะไรไม่ถูกเมื่อเผชิญหน้ากับคนมากมายเหล่านี้
เมื่อคิดได้เช่นนั้น นางตัดสินใจอย่างเด็ดขาดในยามวิกฤต นำพิณในมือเก็บไว้ในมิติ และนำพิณการเวกของจริงออกมา
การจัดการคนจำนวนมาก อาวุธโจมตีประเภทกลุ่มอย่างพิณการเวก เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย
นิ้วมือดีดลงบนสายพิณเบาๆ ทันใดนั้นก็มีเสียงพิณดังออกมา
ด้วยพลังแห่งมิติ เสียงพิณจึงแพร่กระจายช้าๆ ราวกับระลอกคลื่นในสระน้ำ ลอยไปถึงหูของผู้คนเหล่านั้น ราวกับเสียงระฆังกังวาน ทำให้พวกเขาต้องชะงักฝีเท้าลงทันที
คนแคระคนหนึ่งใช้ภาษาตงหลิวพูดว่า “พิณการเวกจริงๆ ด้วย ไม่ว่าอย่างไรวันนี้ต้องทำลายพิณคันนี้ให้ได้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ยังอัพไม่จบเลย หลายเรื่องเลย อัพมาครึ่งทางแล้วทำไมหยุดอัพดื้อๆค่ะ...
จะอัพเมื่อไหร่คะ...
มาต่อเร็วๆนะแอด...
หยุดอีกแล้ว...
กระหม่อม หม่อมฉัน สลับมั่วไปหมด...
มาอ่านต่อกันเร็วๆ แอดกลับมาอัพต่อแล้ว ขอบคุณค่ะ...
สนุกมาก น่าติดตามมาก เขียนและแปลได้ดีจริงๆ ดีใจที่กลับมาลงต่อ อัพเดตเรื่อยๆ วันละหลายๆ ตอน นะคะ...
หยุดชะงักลงตรงบทนี้ ต่อหรือพอเพียงแค่นี้😁...
หยุดแค่นี้หรือไปต่อ😁...
อัพต่อรออยู่ค่ะ...