สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 833

เฮ่อฉางเฟิงพูดวาทะที่เต็มไปด้วยสัจธรรม “คุณชายอย่างข้าเป็นห่วงว่านางจะได้รับอันตราย ตอนนี้นางได้พลิกเหตุร้ายให้กลายเป็นความปลอดภัย ข้ายังต้องออกไปทำไมเล่า?”

หยวนเป่าชูนิ้วโป้งขึ้นมาในทันที ฉวยโอกาสนี้เอ่ยว่า “ทำความดีแต่ไม่ประสงค์ออกนาม คุณชายเป็นนักบุญโดยแท้!”

เฮ่อฉางเฟิงยกเท้าเตะเขาหนึ่งที

“เพิ่งพูดเพ้อเจ้อได้แล้ว”

ระหว่างที่พูด อินชิงเสวียนก็ลุกขึ้นยืน

เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้า เธอก็ตกใจเล็กน้อย

นางฆ่าคนเหล่านี้งั้นหรือ?

การใช้พิณครั้งก่อน เป็นเพราะว่ามีลูกศิษย์ร่วมทำสงครามด้วยกัน นางจึงไม่รู้ว่าเสียงพิณมีความเก่งกาจถึงระดับไหนกันแน่ ตอนนี้เห็นคนตายเกลื่อนพื้น จึงรู้สึกตกใจอย่างอดไม่ได้

นางนำพิณการเวกวางไว้ในมิติ และโผร่างบินลงมา จากนั้นก็คิดอีกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ หากไม่มีใครรอดชีวิตเลยสักคน นางจะไปตามหาเย่จิ่งหลานจากที่ใด

อินชิงเสวียนรีบเข้าไปในกองคนตาย นางตามหาจนพบคนหนึ่งหายใจรวยรินอยู่ คนคนนี้ก็คือชายกำยำที่ปิดบังใบหน้าก่อนหน้านี้

อินชิงเสวียนเอื้อมมือไปดึงผ้าคลุมหน้าของเขาออก เมื่อเห็นใบหน้าทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส แววตาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย

นี่คือ... คนของเถียนเซินหลิน?

หากเป็นเช่นนั้น ผู้ที่หักหลังไม่ใช่ลูกศิษย์ของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ แต่เป็นคนนอกเหล่านั้น

นางยื่นมือดึงคอเสื้อของชายคนนั้น ตะคอกถามด้วยเสียงที่เคร่งขรึมและเฉียบขาด “เย่จิ่งหลานอยู่ที่ใด?”

ชายคนนั้นลืมตาด้วยความพยายาม รูจมูกและมุมปากต่างมีเลือดไหลออกมา

เขากระแอมเสียงแห้ง จากนั้นก็กระอักเลือดออกมาอีกครั้ง พูดด้วยอาการขบเขี้ยวเคี้ยวฟันว่า “อยากพบเย่จิ่งหลาน ก็รีบนำพิณการเวกออกมา”

อินชิงเสวียนยกมือขึ้นตบบ้องหูของเขาสองข้าง

“ความประพฤติและคุณธรรมตอนนี้ของเจ้า กล้ายื่นข้อเสนอกับข้าด้วยหรือ”

พลังมิติของอินชิงเสวียนยังไม่หมดไป ด้วยแรงมหาศาลทำให้ฟันหน้าของชายคนนั้นหลุดออกจากตำแหน่ง

ชายคนนั้นกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง พูดอย่างติดๆ ขัดๆ ว่า “เช่นนั้นชั่วชีวิตนี้ของเจ้าก็อย่าคิดว่าจะได้เจอไอ้เด็กเปตรนั่นอีกเลย”

อินชิงเสวียนใช้เท้าถีบเขาไปอีกด้าน จากนั้นก็เดินตามไป พร้อมกับเหยียบบนหน้าอกของเขาอย่างโหดเหี้ยม

เสียงกระดูกหักดังขึ้น ในค่ำคืนที่เงียบสงัดสามารถได้ยินอย่างชัดเจน ชายคนนั้นกรีดร้องออกมาทันที สายตาของเขาไม่แข็งกระด้างเหมือนเมื่อครู่อีกแล้ว

สุดท้ายก็เกลียดมากจนกลัวตาย

ทันทีที่แววตาของอินชิงเสวียนเปลี่ยนไป แผนการก็ผุดขึ้นมาในหัว

นางพูดด้วยใบหน้าเหยียดหยามว่า “เจ้าสำคัญตัวเองเกินไปจริงๆ ข้าจะบอกความจริงให้นะ ความจริงเย่จิ่งหลานกลับหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ไปตั้งนานแล้ว เหตุผลที่ข้ามาที่นี่ เพียงเพราะข้าอยากรู้ว่าใครคือคนที่หักหลังหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ สุดท้ายจึงใช้พวกเจ้าสังเวยให้พิณของข้า”

ชายคนนั้นสีหน้าเปลี่ยนไปทันที เขาได้ยินโมริตะคาวาสึบาเมะพูดว่า เย่จิ่งหลานและหวังซุ่นไม่ได้อยู่ที่ถ้ำแล้ว และยังฆ่าคนของพวกเขาตายสองคน

เมื่อรู้ว่าคนของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์กำลังตามหาเย่จิ่งหลาน พวกเขาจึงมั่นใจได้ว่าไอ้เด็กเปตรสกุลเย่ไม่ได้อยู่ที่สำนัก และด้วยเหตุผลนี้เอง แผนการทำลายพิณการเวกจึงดำเนินการต่อได้อย่างราบรื่น

เขากำลังจะพูด แต่จู่ๆ ก็คิดว่าไม่ถูกต้อง จึงพูดออกมาอย่างเย้ยหยัน “หากเย่จิ่งหลานกลับไปแล้วจริงๆ เหตุใดหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์จึงยังตามหาคนอยู่เล่า?”

อินชิงเสวียนยิ้มที่มุมปาก และพูดเสียงเรียบว่า “ดินแดนจงหยวนมีคำโบราณกล่าวว่า ศึกไม่หน่ายเล่ห์ พวกเราทำเช่นนี้ก็เพื่อล่อลวงสายสืบ ให้คนโง่เง่าอย่างพวกเจ้าเข้าไปติดกับดักเอง”

ชานคนนั้นเบิกตาพูดว่า “เป็นไปไม่ได้ พวกข้าวางกลไกไว้ที่ปากถ้ำ หากไอ้เด็กเปตรสกุลเย่ออกจากถ้ำ พวกข้าต้องรู้อย่างแน่นอน”

ถ้ำ?

อินชิงเสวียนคิดตามแล้วพูดว่า “ภูเขาของเป่ยไห่ เย่จิ่งหลานเดินเล่นจนทั่วแล้ว เขารู้จักภูเขาทุกลูกเป็นอย่างดี พวกเจ้าฝีมือกระจอกแค่นี้ จะหลอกเขาได้อย่างไรกัน”

ชายคนนั้นรีบพูดว่า “เป็นไปไม่ได้ ถ้ำที่พวกข้าหาเจออยู่ที่มุมทางเหนือ เป็นพื้นที่เปลี่ยวอย่างมาก ด้านนอกก็ถูกปลอมแปลงเอาไว้ คนทั่วไปไม่มีทางหาพบแน่นอน”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ อินชิงเสวียนก็เข้าใจในทันที เย่จิ่งหลานยังอยู่ที่เป่ยไห่ เขาหายตัวไปอย่างกะทันหันก็คงเป็นเพราะเข้าไปในมิติ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์