สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 872

ณ เกาะตงหลิว

จักรพรรดิประทับอยู่ในพระราชวังอันโกโรโกโสของเขา ดวงตาไหววูบไม่แน่นิ่ง

ในคราวนี้ ตงหลิวเรียกได้ว่าหัวกะทิเข้ามาแล้วก็ออกไป ถ้าไม่สำเร็จก็สละชีพ

ที่เหลืออยู่ล้วนมีแค่คนแก่ ผู้อ่อนแอ ผู้หญิงและเด็ก รวมถึงทหารองครักษ์จำนวนไม่มากที่เฝ้าอารักขาพระราชวัง

ครั้นนึกถึงการดิ้นรนต่อสู้ตลอดหลายปี ความคิดของเขาก็ดำดิ่งลง

เมื่อมองดูพืชพรรณอันเยือกเย็นตรงหน้า ก็เกิดความรู้สึกคับแค้นใจ

ได้ยินมาว่าเดิมทีพวกเขาเหล่านี้มีพื้นเพมาจากจงหยวน แต่ด้วยข้อกล่าวหาที่ไม่มีมูลบางประการ ถึงได้ถูกเนรเทศมาที่นี่

ที่นี่มีพื้นที่ขนาดเล็กกว่าฝ่ามือ เรียกได้ว่าเป็นสถานที่เท่าแมวดินตายอย่างแท้จริง

ไม่สามารถเพาะปลูกพืชพรรณธัญญาหารได้ และไม่ค่อยมีผักให้กิน ถ้าอยากรอด ก็กินได้แต่ของที่มีกลิ่นเหม็นคาวในทะเลเท่านั้น

ทุกครั้งที่คิดถึงเรื่องนี้ จักรพรรดิก็โมโหจนปวดบิดในช่องท้องอย่างอดไม่ได้

ตอนนี้พิณการเวกถูกทำลายไปแล้ว เป็นโอกาสอันหายากที่พันปีจะมีสักครั้ง ศึกคราวนี้มีแต่ต้องชนะเท่านั้น แพ้ไม่ได้เด็ดขาด

เมื่อคิดว่าอ๋องโมริตะและแม่ทัพทั้งหลายต่างก็ออกไปรบแล้ว จักรพรรดิก็รู้สึกโล่งใจ

ที่เขาสามารถอยู่ในตำแหน่งที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ได้ ต้องยกผลงานให้ตระกูลโมริตะครึ่งหนึ่ง หากปราศจากคำแนะนำของเขา ตัวเองคงไม่สามารถขึ้นเป็นจักรพรรดิได้

หากสามารถยึดครองเป่ยไห่ได้สำเร็จในครั้งนี้ ต้องประทานรางวัลให้ตระกูลโมริตะอย่างดี

เมื่อนึกถึงพื้นดินน้ำท่าอันอุดมสมบูรณ์ และอาหารที่ล้นเหลือในจงหยวน ลูกกระเดือกของจักรพรรดิก็ขยับขึ้นลง

ในขณะที่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเบากริบดังจากข้างหลัง

จักรพรรดิคิดว่าเป็นบ่าวไพร่ในวัง จึงไม่ได้หันกลับไปมอง

ในไม่ช้าเสียงฝีเท้าก็เดินมาถึงด้านหลัง จักรพรรดิก็หันหลังกลับและถามว่า “มีข่าวอะไรจากเป่ยไห่บ้างหรือไม่”

ทันทีที่เอ่ยออกมา ก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ

จักรพรรดิหันศีรษะไปอย่างรวดเร็ว กลับเห็นร่างเล็กๆ ที่ยืนอยู่ข้างหลัง นั่นคืออ๋องน้อยแห่งตระกูลโมริตะ โมริตะคาวาสึบาเมะ

จักรพรรดิตกใจเล็กน้อย

“เจ้าไม่ได้ไปเป่ยไห่หรือ”

โมริตะคาวาสึบาเมะยกมุมปากขึ้น

“เรื่องไปเป่ยไห่ไม่ต้องรีบร้อน”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์