"สามหาว สามหาวจริงๆ"
เย่จิ่งอวี้ผลักไป๋เสวี่ยล้มไปบนพื้น แล้วมองมือสีดำของตัวเอง ความโกรธก็แทบปะทุผ่านดวงตาออกมา
เขาพูดอย่างโมโห "ตกลงใครกันแน่ที่บังอาจกล้าดีทำกับไป๋เสวี่ยได้เช่นนี้ หลี่เต๋อฝู เจ้าไปตรวจสอบมาหลายวันแล้ว สรุปแล้วคนที่ทำเป็นใคร?"
หลี่เต๋อฝูคุกเข่าเสียงดังตึ่ง พูดด้วยเสียงสั่นเครือ "บ่าวไล่ถามแทบทุกคนในวังจนหมดแล้ว แต่ไม่ได้ยินเลยว่าท่านไป๋เสวี่ยเคยไปที่วังใดมาก่อน เหล่าหญิงงามที่มาใหม่มีความคิดที่จะเข้าใกล้ท่านไป๋เสวี่ย แต่ว่าท่านไป๋เสวี่ยของเรานิสัยไม่ดี พวกนางเข้าใกล้ไม่ได้เสียด้วยซ้ำ แม้แต่พระสนมเสียนเฟย ไป๋เสวี่ยก็ยังไม่ไว้หน้าเลย บ่าวเองก็ไม่ทราบจริงๆ พ่ะย่ะค่ะว่าใครกล้าบังอาจเช่นนี้"
เย่จิ่งอวี้หรี่ตาเรียวลง ด่าทอด้วยเสียงต่ำ "ไม่ได้เรื่อง เรื่องแค่นี้เจ้าก็ยังตรวจสอบไม่ได้ ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป เจ้าคอยติดตามไป๋เสวี่ย หากตรวจสอบไม่ได้ เจ้าก็ไม่ต้องกลับมา"
"พ่ะย่ะค่ะ"
หลี่เต๋อฝูรับคำด้วยใบหน้าที่เศร้าสร้อย และออกไปหยิบชุดรบของเย่จิ่งอวี้มา
หมู่นี้พอฝ่าบาทอารมณ์ไม่ดี ก็มักจะไปตำหนักฉงหวู่ ทหารคู่ซ้อมก็พลอยได้รับเคราะห์ไปหลายนาย
เมื่อคิดถึงพวกเขาที่ถูกซ้อมจนหน้าบวมตาเขียว หลี่เต๋อฝูก็เหงื่อตก ขอเพียงไม่ลงมือกับตนเองก็พอ จะไปลงที่ใครเขาก็ไม่สนแล้ว เขาอายุปูนนี้แล้ว จะรับแรงไม้แรงหมัดของฝ่าบาทไหวเสียที่ไหน
ขณะที่หลี่เต๋อฝูกำลังคร่ำครวญอยู่ อินชิงเสวียนที่เป็นต้นเหตุตัวจริงนั้นกำลังเคี้ยวแตงกวากรุบกรอบอยู่ในสวน
กลิ่นหอมอ่อนๆ ลอยมาจากมือของเธอ อวิ๋นฉ่ายก็กลืนนน้ำลายอึกหนึ่ง
อินชิงเสวียนมองไปอวิ๋นฉ่ายแวบหนึ่ง "แตงกวาตั้งเยอะ เจ้ากับยายหลี่ก็กินด้วยสิ กินเนื้อไปเยอะก็ต้องแก้เลี่ยนหน่อย"
อวิ๋นฉ่ายรีบส่ายหัว
"พระสนมชอบทานก็เก็บเอาไว้ให้พระสนมทานดีกว่าเพคะ"
"นี่ก็ไม่ใช่ของดีอะไรมากมาย ท่านเซียนยังมีอีกเยอะแยะ ไปกินเถอะ เอาไปให้ยายหลี่ลูกหนึ่งด้วย"
"เพคะ"
อวิ๋นฉ่ายดีใจและหยิบแตงกวาไปสองลูก เพียงครู่เดียวก็วิ่งกลับมา
เธอพูดเสียงเบา "พระสนม ยายหลี่กับองค์ชายน้อยทั้งคู่หลับแล้วเพคะ"
อินชิงเสวียนตอบรับ ยายหลี่คอยดูแลเจ้าหมาน้อยก็ลำบากจริงๆ เดี๋ยวก็อึเดี๋ยวก็ฉี่ เดี๋ยวก็กิน บวกกับยายหลี่อายุมากแล้ว เป็นธรรมดาที่ร่างกายจะทนไม่ไหว
"งั้นก็อย่ากวนนางเลย พวกเรากินกันเถอะ"
อวิ๋นฉ่ายพยักหน้า และนั่งลงข้างอินชิงเสวียนด้วยความดีใจ
อินชิงเสวียนอดที่จะถามไม่ได้ "อวิ๋นฉ่าย พระราชวังนี้ใหญ่มากเลยหรือ?"
อวิ๋นฉ่ายพยักหน้า "ใหญ่มากเพคะ"
อินชิงเสวียนมองฟ้า แล้วถามต่อ "แล้ว...พระราชวังมีวิวสวยๆ อะไรบ้าง?"
"อะไรคือวิวเพคะ" อวิ๋นฉ่ายไม่เข้าใจอย่างมาก
"อินชิงเสวียนอธิบายด้วยความอดทน "มันก็คือสถานที่ๆ สนุกและสวยอย่างไรล่ะ"
อวิ๋นฉ่ายเอียงคอครุ่นคิด
"ก็น่าจะเป็นสวนบุปผาหลวงเพคะ ตอนนี้เหล่าดอกไม้นานาชนิดคงกำลังบานสะพรั่ง ต้องสวยงามมากแน่ๆ เพคะ"
อินชิงเสวียนอัดอั้นอยู่ในวังเย็นมาสัปดาห์กว่าแล้ว ชีวิตที่มองเห็นท้องฟ้าขนาดใหญ่แค่ฝ่ามือ ทำให้เธออดหงุดหงิดไม่ได้
ถ้าเธออยู่ที่ตรงนี้ต่อไปเรื่อยๆ ก่อนที่เธอหาเก็บเงินได้มากพอ ตัวเธอคงเป็นโรคซึมเศร้าเสียก่อน
เธออดถามไม่ได้ว่า "สวนบุปผาหลวงห่างจากวังเย็นของเราไกลแค่ไหน?"
อวิ๋นฉ่ายอ้าปากชะงัก พูดด้วยความตะลึง "พระสนม อย่าบอกนะเพคะว่าพระองค์จะออกไป?"
อินชิงเสวียนมองไปข้างในแวบหนึ่ง พูดด้วยเสียงเบา "ดึกขนาดนี้แล้ว พวกเราแอบออกไปเดินเล่นข้างนอก ก็น่าจะไม่ถูกจับได้นะ"
"เอ่อ..."
อวิ๋นฉ่ายลังเล ทว่าสายตากลับฉายแววความตื่นเต้นมากๆ
อินชิงเสวียนมีหรือจะมองความคิดนางไม่ออก จึงจับข้อมือของอวิ๋นฉ่ายไว้ แล้วดึงให้ลุกขึ้น
พูดเสียงเบาว่า "เจ้าไปเอาชุดขันทีมา เราเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วออกไปเดินเล่นกัน ยายหลี่น่าจะไม่ตื่นมาหรอก"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ยังอัพไม่จบเลย หลายเรื่องเลย อัพมาครึ่งทางแล้วทำไมหยุดอัพดื้อๆค่ะ...
จะอัพเมื่อไหร่คะ...
มาต่อเร็วๆนะแอด...
หยุดอีกแล้ว...
กระหม่อม หม่อมฉัน สลับมั่วไปหมด...
มาอ่านต่อกันเร็วๆ แอดกลับมาอัพต่อแล้ว ขอบคุณค่ะ...
สนุกมาก น่าติดตามมาก เขียนและแปลได้ดีจริงๆ ดีใจที่กลับมาลงต่อ อัพเดตเรื่อยๆ วันละหลายๆ ตอน นะคะ...
หยุดชะงักลงตรงบทนี้ ต่อหรือพอเพียงแค่นี้😁...
หยุดแค่นี้หรือไปต่อ😁...
อัพต่อรออยู่ค่ะ...