"ฉึก!"
ขณะที่พูดจบและกำลังจะกินข้าว จู่ๆก็มีเสียงดังลั่นแว่วเข้ามาในหูของเขา ทุกคนที่กำลังกินข้าวอยู่ที่นี่หันกลับไปมองยังทิศทางของเสียงกันหมด
ที่นั่น มีชายหนุ่มไว้เคราวัยสามสิบต้นๆล้มอยู่ในกองเลือด เนื่องจากยังมีลมหายใจเฮือกสุดท้ายที่เหลืออยู่ ดวงตาของเขาเบิกกว้างอย่างยิ่ง แววตาแฝงความตื่นตะลึงหวาดกลัว ราวกับว่าไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น
เขานอนทุรนทุรายอยู่บนพื้นสักพัก จากนั้นทั้งร่างก็อ่อนลง สองมือพยายามยื่นขอความช่วยเหลือย่างสุดความสามารถที่เหลืออยู่ จากนั้นก็ล้มลงกับพื้น
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขาตายไป ดูเหมือนจะไม่มีใครได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้ ทุกคนยังคงกินดื่มต่อไปราวกับว่าคนตรงหน้าไม่ใช่มนุษย์แต่เป็นเพียงหนูตัวหนึ่งที่ตายต่อหน้าเท่านั้น
"เห็นแล้วหรือยัง นี่คงจะไปทำให้ใครขุ่นเคืองเข้าให้ เมื่อมีคนรู้ว่าเขาต้องมาที่นี่เพื่อเข้าร่วมการประมูลถึงได้ลงมือฆ่าเขาซะ" ปากของโกวหลินเทียนส่งเสียงพูดออกมาขณะเคี้ยวข้าว หลังจากพูดจบเขาก็หันไปยกน้ำซุปตรงหน้าของตนขึ้นมาแต่กลับดื่มไม่ลง
"ถือเป็นสถานที่ที่ดีในการสังหาร" ใบหน้าของเฉินเกอยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
การประมูลนั้นย่อมไม่ได้เป็นไปอย่างเงียบสงบ แน่นอนว่าอาจมีบ้างแต่ก็จำกัดแค่เฉพาะในหัวเซี่ยเท่านั้น เมื่อออกจากหัวเซี่ย ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างหนานเยว่ หรือเหมี่ยนเป่ยและประเทศอื่น ๆ ล้วนแต่วุ่นวายมากกันแบบนี้ ชีวิตคนแทบจะไร้ค่า ดังนั้นจึงไม่ต้องพูดถึงเรื่องนองเลือดและความตายที่ผู้ฝึกฝนคุ้นเคยแบบนี้
ชายคนนั้นนอนอยู่ในกองเลือด และมีเพียงผู้ที่ผ่านไปมาเท่านั้นที่จะเหลือบมอง
ผ่านไปครู่หนึ่ง คนหนุ่มสาวหลายคนในชุดคลุมสีเทาก็ปรากฏตัวขึ้น พวกเขาเดินตรงมาที่นี่ จากนั้นก็ยกผู้ฝึกฝนที่ตายไปแล้วและเดินไปที่ชายฝั่ง
ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วมากจนแทบไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่ ยกเว้นแค่แอ่งเลือดบนพื้น
หลังจากกินข้าวเสร็จ ท้องฟ้าก็เริ่มมืด
เฉินเกอขอให้โกวหลินเทียนและไป๋เสี่ยวเฟยกลับไป ส่วนตนก็เดินไปรอบ ๆ เกาะ
เดิมไป๋เสี่ยวเฟยเสนอตัวขอติดตามไปด้วย แต่กลับถูกเฉินเกอปฏิเสธอย่างรุนแรง มีคนถูกฆ่าตายระหว่างทานอาหาร นี่ก็เพียงพอที่จะพิสูจน์ได้ว่าเกาะนี้วุ่นวายแค่ไหน และการอยู่ในห้องนั้นถึงจะปลอดภัยกว่าตามเขาไป
และด้วยความแข็งแกร่งของไป๋เสี่ยวเฟย การอยู่ที่นี่ก็แทบไม่ต่างอะไรจากเด็กแบเบาะ
หลังจากอาบน้ำเสร็จแล้ว เฉินเกอก็หยิบซองบุหรี่ที่ยังไม่ได้เปิดออกจากกระเป๋าของเขา จากนั้นก็ใส่ลงในกระเป๋าเสื้อของตน แล้วเตรียมพร้อมที่จะออกไป
แต่ยังไม่ทันจะได้เดินออกจากประตู เขาก็ถูกหญิงชราคนหนึ่งซึ่งนั่งอยู่ที่ประตูหยุดไว้
หญิงชรามีอายุประมาณ 80 ปี ดูแล้วผอมอย่างยิ่ง เธอนั่งอยู่ที่ม้านั่งและขดตัวอยู่ที่ประตู หากไม่มองดูดีๆ คงคิดว่าเธอเป็นเด็กคนหนึ่ง
"นายเตรียมจะออกไปทำอะไร?" หญิงชราหยุดเฉินเกอและเอ่ยถาม
"ไม่มีอะไร ผมเพิ่งมาใหม่ เตรียมจะออกไปดูๆสักหน่อย อยู่ในห้องอุดอู้เกินไป ผมไม่ชอบ" เฉินเกอหยุดลง เขาจุดบุหรี่จากนั้นก็ยักไหล่แล้วพูดขึ้น
"ในเมื่อเพิ่งมาถึงที่นี่ อย่างนั้นฉันก็คิดว่าจำเป็นต้องเตือนคุณสักหน่อยว่าคุณควรอยู่ในห้องเวลากลางคืน ข้างนอกไม่ได้สงบเหมือนอย่างตอนกลางวัน ไม่แน่ว่าหากคุณออกไป ก็อาจจะถูกฆ่าได้"
"มองไม่เห็นกองเลือดที่อยู่ไม่ไกลนั่นหรือไง ชายหนุ่มอายุสามสิบต้นๆ ถูกฆ่าตายไปเมื่อชั่วโมงที่แล้วนี่เอง ตอนนี้เขาถูกโยนลงทะเลไปแล้ว" หญิงชราเหยียดแขนผอมแห้งและชี้ไปที่คราบเลือดแห้งๆบนถนน แล้วพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
"ผมเห็นกับตาแล้ว" เฉินเกอมองย้อนกลับไปและเอ่ยขึ้น
"ความแข็งแกร่งไม่เลว แต่ก็ยังอ่อนแออยู่บ้าง" หญิงชรามองเฉินเกออย่างประเมิน
"ผู้อาวุโส ผมก็แค่ออกไปเดินเล่นเท่านั้น ไม่ได้จะไปทำให้ใครขุ่นเคือง ไม่น่าเป็นอันตรายอะไร" เฉินเกอมองเห็นดวงตาของหญิงชรา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน
เรื่องนี้มีอัพต่อไหมครับ...
เอาข้อศอกแปลเหรอครับมั่วไปหมดแทนนามหญิงเป็นคำว่าผมเฉย...
กูงงกับการเขียนบทให้พระเอก,รวยมีเงิน,มีรถมีทุกอย่างแล้วก่อยังเขียนให้ดูโง่โดนดูถูกตลอดเวลา,คนเขียนบทมีปมปะเนี่ย...
555เขียนบทให้ตัวเอกโง่ดีครับ...
แล้วจะเขียนบทให้ตัวเอกโง่ไปถึงไหนละครับ...
เขียนแบบทำให้ตัวพระเอกโดนดูถูกมากไปหน่อยอ่านแล้วรำคาญ...
รออัพเดท เรื่องนี้จะมีการอัพเดทอีกไหมค่ะ...