ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน นิยาย บท 361

บทที่361 ได้รับการกระตุ้น

“เป็นเขา?”

ถึงแม้ว่าหูฮุ่ยหมินจะรู้ว่าเฉินเกอเองก็มาเรียนที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้ แต่ก็ยังไม่ได้เจอเขา ได้มาเจอครั้งนี้ เห็นเขากอดขวดน้ำแร่อะไรพวกนั้น จึงอดที่จะมีสีหน้าที่ดูถูกขึ้นมาไม่ได้

เฉินเกอคนนี้ ถึงจะเปลี่ยนไปอย่างไรก็ยังเหมือนตอนที่อยู่มัธยมอยู่ดี

มาที่นี่ ก็ยังยกน้ำให้คนอื่นแบบนี้

ส่วนที่ว่าทำไมเฉินเกอถึงได้มาเรียนที่มหาวิทยาลัยฉู่ชวนนั้น หูฮุ่ยหมินไม่ได้รู้สึกมีความสนใจที่จะอยากรู้เลยเสียด้วยซ้ำ

ส่วนเฉินเกอ ตอนนี้ได้ถูกผู้หญิงด้านล่างล้อมรอบไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“เรื่องอะไรกัน?”

หัวหน้าเอ่ยถาม

“ผู้จัดการหลี่ เขานั่นไง คนที่บริจาคเงินมาหาแสน เขานี่แหล่ะค่ะ!”

ผู้หญิงสองสามคนนั้นเอ่ยพูดขึ้นด้วยใบหน้าที่มีความเลื่อมใสศรัทธา

“อะไรนะ?”

เวลานี้เองที่บริเวณตรงนั้นเงียบลง

สวี่หยางหยางและหูฮุ่ยหมินที่อยู่ข้างบนเวทีนั้นต่างก็พากันตาค้างตะลึงพูดไม่ออก

เฉินจุนเหวินและเหลียงเฟยพวกเขาเองก็รู้สึกอึ้งไปเช่นกัน

และยิ่งไม่ต้องพูดถึงหลินเซิ่งหนานที่โทรไปถามทางบ้านมาว่าจะทำตัวไม่ถูกขนาดไหน

แม้แต่ฟางเจี่่ยนนันและฟางหยีที่อยู่ตรงแถวสุดท้ายก็ยังพากันมองมาทางนี้อีกด้วย

“เธอ.....เธอเข้าใจผิดแล้วหรือเปล่า จะเป็นคนนี้ได้อย่างไร!!!”

สวี่หยางหยางเห็นเฉินเกอแล้วจึงเอามาเปรียบกับเหลียงเฟย ในใจนั้นเอ่ยพูดออกมาอย่างไม่พอใจ

แล้วอีกอย่างจะว่าไปแล้วเธอเองก็ไม่อยากที่จะเชื่อด้วย ว่าเฉินเกอจะบริจาคเงินจำนวนมากขนาดนั้นจริงๆ

แต่ความจริงกำลังเป็นไปในทิศทางนี้ไม่ใช่หรือ

ตอนนี้เขาก็บอกชัดแล้วว่าคนที่บริจาคเงินห้าแสนมาจากห้องของพวกเธอ

ไม่ใช่เหลียงเฟยที่เป็นคนบริจาค

แล้วก็ไม่ใช่หลินเซิ่งหนานเป็นคนบริจาคด้วยเช่นกัน

เหลือเพียงคนเดียวนั่นก็คือเฉินเกอ

“ไม่ได้เข้าใจผิดหรอก พวกเราจะจำผิดคนได้อย่างไร!”

ผู้หญิงคนนั้นอธิบาย

“เธอแน่ใจว่าเป็นเขานะ? เหอๆ ฉันรู้จักเขา ฉันกับเขาเรียนมัธยมมาด้วยกัน เขาเป็นคนจนๆคนนึง จะเอาเงินมากขนาดนั้นมาจากไหน ถึงแม้จะเขาจะเอาตัวเองไปขายก็ยังไม่ได้มีค่าพอที่จะได้เงินมากขนาดนี้มาเลย!”

หูฮุ่ยหมินรีบเอ่ยขึ้นมา

จะว่าไปเฉินเกอบริจาคเงินห้าแสนจริงๆ ก็จะเป็นการทำลายความหยิ่งในศักดิ์ศรีของพวกหูฮุ่ยหมิน

คิดดูว่าตั้งแต่มัธยมปลายพวกเธอก็เป็นที่รู้จักในฐานะครอบครัวที่ร่ำรวย

ส่วนเฉินเกอ เวลาอยู่ตรงหน้าเธอนั้นก็ได้รับบทบาทให้เป็นคนจนมาโดยตลอด

อย่างเช่นการซื้อของ

ถ้าหากหูฮุ่ยหมินใส่AdidasหรือNike ราคาเป็นพันแบบนั้น เฉินเกอก็คงจะใส่ในราคาไม่กี่สิบ หากใส่ราคาแค่หลักร้อยหูฮุ่ยหมินจะรู้สึกว่าไม่สบายเท่าไรนัก

แต่การบริจาคครั้งนี้ ตัวเองบริจาคไปหกพัน แต่อย่างเฉินเกอบริจาคซักห้าบาทถึงจะเป็นเรื่องปกติ

แต่ตอนนี้ ไม่คิดว่าจะบริจาคถึงห้าแสน

นี่นับว่าทำให้หูฮุ่ยหมินรู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างมาก

และยิ่งไปกว่านั้นผู้หญิงคนนั้นได้แสดงหลักฐานการโอนเงินต่อหน้าสาธารณะ และนั่นก็คือเฉินเกอจริงๆ!

จะเป็นไปได้อย่างไร! เขาจะกลายเป็นคนที่มีเงินมากขนาดนี้ได้อย่างไรกัน?

หูฮุ่ยหมินเอ่ยขึ้นอย่างไม่อยากจะเชื่อ

ส่วนทางด้านเฉินเกอนั้น ถึงแม้ว่าจะไม่ยอมให้เปิดเผย แต่ตอนนี้ก็คงจะทำอะไรไม่ได้แล้ว

ประกอบกับถูกเจ้าหน้าที่สองสามคนคะยั้นคะยอผลักให้ขึ้นไปบนเวที

เดิมทีแล้ว เหลียงเฟยยืนอยู่ตำแหน่งตรงกลาง

และขณะนั้นเองก็ถูกผู้หญิงสองสามคนนั้นดันออกไปอยู่ตรงด้านข้าง แล้วเอาตำแหน่งที่ยืนตรงนั้นให้กับเฉินเกอแทน

เหลียงเฟยหน้าเจื่อนไป

ส่วนสวี่หยางหยางนั้นยิ่งรู้สึกโมโหขึ้นมา

“นาย นาย นาย.....นายบริจาคเงินมากขนาดนั้นทำไมกัน?”

สวี่หยางหยางชี้ด่าว่าเฉินเกอ

“เฉินเกอ ฉันไม่รู้ว่านายไปเอาเงินมาจากไหน แต่ฉันหวังว่านายจะเห็นคุณค่าตัวเองหน่อยนะ อย่ามาทำอะไรเกินตัวหน่อยเลย!”

หูฮุ่ยหมินเองก็เอ่ยพูดตำหนิออกมา

ราวกับว่าหากไม่ได้พ่นคำพูดใส่เฉินเกอแล้วในใจของเธอจะไม่สงบอย่างไรอย่างนั้น

เฉินเกอมองทั้งสองคนนี้ แล้วรู้สึกโมโหเช่นกัน

หูฮุ่ยหมินไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมากเลย เพราะถึงแม้ว่าเธอจะเป็นเทพธิดาที่อยู่ในใจของตัวเองมาตลอด แต่ความปากร้ายของเธอนั้น ก็ทำให้เฉินเกอรับไม่ได้จริงๆ

“ในเมื่อทำอะไรเกินตัวไปแล้ว ฉันก็เองก็ไม่ได้ถืออยู่แล้วหากจะต้องทำอะไรที่เกินตัวต่อไปอีก เอาแบบนี้แล้วกัน ฉันจะบริจาคอีกหนึ่งล้านก็แล้วกัน!”

เฉินเกอยิ้มออกมาอย่างเจื่อนๆ

“อะไรนะ??”

สิ้นเสียงนี้แล้ว ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างก็พากันตกตะลึง

ถ้าหากเงินหาแสนทำให้คนไม่อยากจะเชื่อแล้ว เงินหนึ่งล้านจะเป็นระดับไหนกัน?

และห้องของเฉินเกอนั้นก็ล้วนแต่มองเฉินเกอด้วยความตกตะลึง

ดูไม่ออกเลยจริงๆ ปกติแล้วดูเป็นคนซื่อๆ อีกทั้งยังดูน่ารังแกอีกด้วย ปรากฏว่าเขาเป็นคนที่ร่ำรวยคนหนึ่งเชียวหรือ

“ดีเลย!”

ในห้องสามนั้น ไม่รู้ว่าเป็นใครที่เริ่มปรบมือขึ้นมากก่อน แล้วตามมาด้วยเสียงปรบมือที่ดังกึกก้องตามมา

แล้วเจ้าหน้าที่ก็ล้วนแต่พากันขึ้นไปบนเวที เพื่อจะดำเนินการจัดการเป็นครั้งที่สอง

มองแววตาของเฉินเกอ ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าจะมีความศรัทธาเลื่อมใสมากขนาดไหน

การเสแสร้งที่มีความหมายแบบนี้ เฉินเกอกลับไม่ถือสาที่จะทำมันให้มากกว่าเดิมเสียหน่อย

เห็นอาการโมโหจนหน้าดำเคร่งเครียดของหูฮุ่ยหมินและสวี่หยางหยางแล้ว ในใจนั้นยังคงมีความรู้สึกอันเป็นสุขที่น่ารังเกียจนี้อยู่

หลังจากนั้นก็มีเจ้าหน้าที่กลุ่มหนึ่งกรูกันขึ้นมา แล้วจับมือเฉินเกอกันทีละคน

ส่วนเหลียงเฟยนั้น หลังจากที่ได้รับหนังสือรับรองแล้วก็ลงไปด้วยความกลุ้มใจ

หนึ่งแสนนี้ดูจะเสียไปฟรีๆแล้ว

“นี่ มองไม่ออกเลยจริงๆ ว่าเขาจะมีเงินขนาดนี้ เมื่อกี้ที่มีคนบอกว่าเขาเป็นคนที่บริจาคเงินห้าแสนไปคนนั้น ฉันไม่เชื่อเลยนะ แต่หลังจากนั้นเขาก็บริจาคอีกหนึ่งล้าน ดูแล้วเขามีเงินมากจริงๆสิ!”

ฟางหยีมองไปยังเฉินเกอที่อยู่บนเวที ดูเหมือนกับว่าจะมีความรู้สึกสนใจอย่างไรอย่างนั้น

“อืม ใช่ ฉันเองก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน ดูเหมือนจะเป็นอย่างที่ฉันคิดไว้ ประวัติของเขาคงจะไม่ธรรมดา ต่อไปพวกเราต้องระวังกันให้มากขึ้นนะ!”

ฟางเจี่่ยนนันเอ่ยขึ้นมาอย่างระแวง

“หืม ให้คนที่บ้านสืบหาประวัติของเขาก็ได้แล้วไหมล่ะ?”

ฟางหยีเอ่ยขึ้น

“นี่แหล่ะจุดที่ฉันสงสัยอยู่ ฉันให้คนไปหาข้อมูลมาตั้งแต่แรกแล้ว ผลปรากฏว่า เขาเป็นเพียงแค่นักเรียนจนๆคนหนึ่งที่มาจากอำเภอผิงอันเท่านั้น ส่วนเรื่องราวหลังจากนั้น ดูเหมือนกับว่าถูกใครกำลังพยายามที่จะปิดบังเอาไว้อยู่ จะหายังไงก็หาไม่เจอเลย!”

ฟางเจี่่ยนนันมองไปยังเฉินเกอ แล้วเอ่ยออกมาเบาๆ

การประชุมทั้งหมดนี้น่าสนใจเป็นอย่างมาก

ส่วนเหลียงเฟยนั้นราวกับได้รับการกระตุ้นอะไรไป จึงไม่ได้พูดอะไรออกมาแม้แต่ประโยคเดียว แล้วก็วิ่งออกไป

สวี่หยางหยางรู้ว่าครั้งนี้เหลียงเฟยคงจะรู้สึกเจ็บอยู่พอสมควร

จึงรีบตามออกไป

“พี่เฟย พี่เฟย รอฉันก่อน!”

สวี่หยางหยางวิ่งไปพลางตะโกนไปด้วย

ส่วนเหลียงเฟยนั้นก็วิ่งมายังสวนสาธารณะข้างๆ หยุดลงตรงข้างๆต้นหลิวต้นใหญ่ต้นหนึ่งด้วยใบหน้าที่กลัดกลุ้ม

สวี่หยางหยางเองจะไม่รู้ได้อย่างไร พี่เฟยอะไรๆก็ดีไปหมด มีเพียงแต่เขาหน้าบางไปหน่อยเท่านั้น

เมื่อครู่นี้ที่เขาถูกเจ้าหน้าที่เหล่านั้นผลักออก ตอนที่คนเหล่านั้นที่พากันประจบเฉินเกอให้เขามายืนแทนที่นั้น สวี่หยางหยางก็รู้แล้วว่าพี่เฟยจะต้องรู้สึกแย่แน่ๆ

ปึง!

เหลียงเฟยเหวี่ยงหมัดไปที่ต้นไม้ เพื่อเป็นการระบายความโมโหของตัวเองออกมา

“พี่เฟย อย่าเป็นแบบนี้ได้ไหม เฉินเกอนั่นบริจาคเงินมากกว่าพี่แล้วยังไงกัน พี่เป็นถึงรองชนะเลิศเทควันโดระดับเยาวชนของมณฑลเชียวนะ ไม่รู้ว่าเก่งกว่าเขาตั้งขนาดไหน พี่อย่าเป็นแบบนี้เลย!”

สวี่หยางหยางขอบตาแดงพลางเอ่ยขึ้น

“พี่เฟย พี่อย่าลืมสิ่งที่พี่กำลังตามหาอยู่สิ จะมาเปลืองสมองกับเรื่องพวกนี้ทำไมกัน ในการแข่งขันเทควันโดของมหาวิทยาลัยพวกเราครั้งนี้ ก็ได้เชิญให้พี่มาเป็นกรรมการตัดสินแล้ว นี่เป็นโอกาสที่พี่จะเป็นจุดสนใจของทุกคนได้อย่างแน่นอน แล้วถึงตอนนั้นเสียงปรบมือก็จะเป็นของพี่เพียงแค่คนเดียว!”

สวี่หยางหยางเกลี้ยกล่อม

ในใจของเหลียงเฟยจึงรู้สึกดีขึ้นมาไม่น้อย ใช่แล้ว ถึงเวลาสำคัญ เกียรติยศชื่อเสียงของห้อง ก็ล้วนแต่ต้องอาศัยตัวเองที่ต้องเป็นคนช่วงชิงมา ส่วนสายตาที่ศรัทธาเลื่อมสายของคนอื่น เสียงปรบมือ ก็จะต้องให้กับตัวเองเช่นกัน!

เหลียงเฟยนะเหลียงเฟย ทำไมถึงเป็นแบบนี้กัน!

จะมาเปลืองสมองกับเรื่องพวกนี้ทำไม?

“ฉันรู้แล้ว ขอบคุณเธอมากนะหยางหยาง!”

พูดจบแล้ว เหลียงเฟยก็กลับไปอย่างหดหู่ จะเกลี้ยกล่อมอย่างไร วันนี้เขาเองก็ได้รับบาดเจ็บไปแล้ว

หลังจากเฉินเกอเสร็จสิ้นพิธีงานแล้วนั้น ก็ออกมากับเจ้าอ้วนสองคน

หลังจากนั้นเจ้าอ้วนก็ดูเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงวิ่งไปยังร้านค้าที่อยู่ใกล้ๆ ซื้อของมามากมาย

“ทำอะไรน่ะ? ยังจะกินอีก?”

เฉินเกอฝืนยิ้มพลางเอ่ยขึ้น

“ไม่ใช่หรอกพี่เฉิน ฉันจะเอาไปให้คนอื่นต่างหาก ทางผ่านพอดี นายไปเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ.....”

จู่ๆเจ้าอ้วนก็ยิ้มหวานออกมาเสียอย่างนั้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน